วิทยุนปช. ยูเอสเอ

12 มีนาคม 2558 รำลึกถึงพี่วู๊ดไซด์ นิวยอร์ค แห่ง นปช.ยูเอสเอ ครบรอบร้อยวัน การมรณภาพของท่าน
::: วิทยุ นปช.ยูเอสเอ ::: :::::: วิทยุมหาวิทยาลัยประชาชน :::

Monday, December 21, 2015

ไฮไลต์ !!! การไต่สวน ศาลรัฐธรรมนูญ ค้านกู้เงิน 2 ล้านล้าน รอถนนลูกรังหมด...

Saturday, December 5, 2015

เตียง ศิริขันธ์ : วีรบุรุษที่ประวัติศาสตร์ไทย(แกล้ง)ลืม


จึงเป็นคำถามที่คำตอบอาจอยู่แต่ในสายลม-ถึงที่สุดแล้ว ประชาชนเป็นใหญ่จริงหรือ กับระบอบประชาธิปไตยในบ้านเมืองเรา ย้อนหลังจากวันนี้ไป 101 ปี ณ วันที่ 5 ธันวาคม 2452 วีรบุคคลผู้ที่เหมือนว่าหน่วยงานเกี่ยวกับการศึกษาประวัติศาสตร์ไทยไม่อยาก จะจดจำจารึกไว้ให้เยาวชนเรียนรู้ ถือกำเนิดเกิดขึ้นบนแผ่นดินอีสาน บุคคลผู้นั้นชื่อ "เตียง ศิริขันธ์"

ด้วยชีวิตวัยเยาว์ในบ้านเกิดจังหวัดสกลนคร เตียง ศิริขันธ์ได้รับการส่งเสริมจากบุพการีให้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนสร้างความ เจริญก้าวหน้าให้กับตนเอง จนสามารถเรียนจบประกาศนียบัตรสูงสุดสำหรับครู หรือครู ป.ม.จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในเวลาต่อมาได้เข้าทำงานเป็นครูสมดังปรารถนา


แต่แล้วเพราะความคิดก้าวหน้า กล้าพูด กล้าทำ กล้ายืนหยัดต่อกับกรกับสิ่งอยุติธรรมทั้งหลาย ในที่สุดก็ถูกข้อหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ร่วมกับเพื่อนครูอีก 2 คน เหตุเพราะเช้าวันหนึ่งมีมือมืดเอาธงแดงมีตราค้อนเคียวชักขึ้นบนยอดเสาแทน ธงชาติ ซึ่งในยุคนั้นมิใช่เรื่องแปลกอะไรหากจะมีนักคิด-เขียนหัวก้าวหน้าโดนข้อหา นี้ ประชาชนคนไหนที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่ชอบขี้หน้าอาจถูกยัดข้อหานี้เอา ง่ายๆ ถือเป็นข้อหาคลาสสิกเอาเลยทีเดียว

และนี่เองถือเป็นจุดหักเหของชีวิตครู หนุ่มไฟแรงแห่งแผ่นดินอีสานให้หันหน้าเข้าสู่แวดวงการเมือง เพราะถึงแม้ว่าศาลจะพิจารณาและพิพากษายกฟ้องแล้วก็ตาม แต่การที่ต้องถูกกล่าวหาและพัวพันกับคดีอยู่เป็นเวลายาวนาน ทำให้นายเตียงตัดสินใจเปลี่ยนเข็มชีวิตตนเข้าสู่สังเวียนรัฐสภา

ปี 2476 เดือนพฤศจิกายน ประเทศไทยมีการเลือกตั้งครั้งแรก เป็นการเลือกตั้งโดยอ้อม ส่วนการเลือกตั้งโดยทางตรงของไทยครั้งแรกมีขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2480 นายเตียงได้สมัครเข้ารับเลือกตั้งในจังหวัดสกลนคร และก็ได้รับเลือกเป็นผู้แทนราษฎรของจังหวัดสกลนครเรื่อยมา


ด้วยความเป็นผู้แทนราษฎรหนุ่มไฟแรง มีอุดมการณ์แก่กล้า กอปรกับมีเพื่อน ส.ส.จากที่ราบสูงเหมือนกัน ร่วมทำงานเป็นทีมเวิร์ค คือ นายทองอินทร์ ภูริพัฒน์ ส.ส.จังหวัดอุบลราชธานี, นายจำลอง ดาวเรือง ส.ส.จังหวัดมหาสารคาม และนายถวิล อุดล ส.ส.จังหวัดร้อยเอ็ด จนได้รับสมญานาม 4 ส.ส.อีสาน ดังที่กวีซีไรต์เลือดอีสาน ไพวรินทร์ ขาวงาม ได้ประพันธ์ไว้ว่า...

ดาวหนึ่งทองอินทร์นั้น เลือดอุบล
ดาวหนึ่งเตียงเลือดสกล เลือดสู้
ดาวหนึ่งถวิลเลือดคน ร้อยเอ็ด
ดาวหนึ่งจำลองกู้ เลือดสารคาม 
(จากหนังสือ เตียง ศิริขันธ์ ขบวนการเสรีไทยสกลนคร โดย ผศ.ปรีชา ธรรมวินทร หน้า 142)

เห็นได้จากการอภิปรายในสภาปี 2487 ต่อต้านโครงการนครหลวงเพ็ชรบูรณ์และพุทธบุรีมณฑลสระบุรีของรัฐบาล จอมพล ป.พิบูลสงคราม เนื่องจาก ส.ส.อีสานทั้งสี่เห็นว่าโครงการดังกล่าวสร้างความทุกข์ยากลำบากให้กับ ประชาชนอย่างหนัก โดยเฉพาะโครงการย้ายเมืองหลวงไปตั้งที่จังหวัดเพชรบูรณ์เพราะเมืองเพชรบูรณ์ สมัยนั้นเป็นป่าทึบ เต็มไปด้วยเชื้อไข้มาลาเรีย ปรากฏว่าพอสร้างไปได้ 1 ปี มีประชาชนถูกเกณฑ์ไปทำงานกว่า 100,000 คน ป่วย 14,316 คน และเสียชีวิต 4,040 คน ประชาชนที่ถูกเกณฑ์โดยได้รับสัญญาว่าจะจ่ายค่าจ้างให้วันละ 5 สตางค์ต่อวัน ส่วนใหญ่มาจากพื้นที่ภาคอีสาน

พอพระราชกำหนดนี้เข้าสู่สภา ปรากฏว่า ส.ส.ทั้งสี่ได้ร่วมกันอภิปรายคัดค้านอย่างหนัก และเมื่อลงเสียงคะแนนแบบลับ เพราะส.ส.ทั้งสี่เห็นว่าหากให้ยกมือลงคะแนนอย่างเปิดเผย ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลอาจเกิดการกดดันเกรงใจไม่กล้ายกมือสนับสนุน ในที่สุดรัฐบาลก็แพ้ไปด้วยคะแนน 48 ต่อ 36 เสียง เป็นผลให้รัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ต้องลาออก


แต่ก็นั่นแหละ การเมืองมีขึ้นมีลงตามกฎอนิจจลักษณะ หลังจากรัฐนาวาเผด็จการทหารของจอมพล ป.พิบูลสงคราม อับปางลงในช่วงต้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนอับปางรัฐบาลจอมพล. คนนี้ ได้นำพาประเทศเข้าร่วมจมหัวจมท้ายกับญี่ปุ่นจนหวุดหวิดเกือบต้องกลายเป็น ประเทศพ่ายแพ้สงครามไปด้วย ยังดีที่ ท่านรัฐบุรุษอาวุโส ปรีดี พนมยงค์ ซึ่งสมัยนั้นได้ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้ใช้ปัญญาอย่าง แยบคายกอบกู้คืนมาได้ โดยจัดตั้งองค์กรลับภายใต้ชื่อ "ขบวนการเสรีไทย" (Free Siamese Movement) และช่วงนี้นี่เองที่นายเตียง ศิริขันธ์ หรือที่ใช้ชื่อรหัสว่า "พลูโต" มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อขบวนการเสรีไทยสายอีสาน โดยเฉพาะในเขตพื้นที่จังหวัดสกลนคร เนื่องจากได้เป็นแกนนำจัดตั้งค่ายเสรีไทยเพื่อฝึกฝนกำลังพล มีประชาชนเข้าร่วมปฏิบัติการกู้ชาติครั้งนี้นับหมื่นคนจากทั่วทุกค่ายในเขต จังหวัดภาคอีสาน

ทั้งๆ ที่งานเสรีไทย เป็นงานอุดมการณ์ทำเพื่อชาติ อาจต้องยอมพลีแม้กระทั่งชีพตนเอง ไม่มีผลตอบแทนอันใด จะมีก็แต่ความภาคภูมิใจในการได้ทำงานเพื่อพิทักษ์มาตุภูมิ แต่ประชาชนทั้งชาวจังหวัดสกลนครและจังหวัดอื่นๆ ในภาคอีสานก็พร้อมใจกันเข้าร่วม เนื่องจากทุกคนมีใจรักชาติ และส่วนหนึ่งเกิดจากศรัทธาต่อนายเตียง ศิริขันธ์ผู้เป็นบุคคลต้นแบบเรื่องความเสียประโยชน์สุขส่วนตนเพื่อประเทศ ชาติ ดังที่คุณฉลบชลัยย์ พลางกูร (ภรรยาของจำกัด พลางกูร ผู้เดินทางไปประเทศจีนเพื่องานเสรีไทยและเสียชีวิตในระหว่างเดินทาง) กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า...


"...ตอนนั้นคุณเตียงให้คุณนิวาศน์ ถอดเครื่องประดับทั้งหมด มีสายสร้อย ล็อกเกต แหวน รวมทั้งแหวนของตัวเองด้วย มอบให้จำกัดเผื่อว่าจะไปตกทุกข์ได้ยาก เพราะการเดินทางนั้นมืดมนเต็มที ญี่ปุ่นอยู่เต็มไปหมด ดิฉันเชื่อว่าถ้าคุณเตียงรู้ตัวก่อนนั้น คงจะรวบรวมเงินทองให้จำกัดอีกเป็นแน่ และของเหล่านี้ (จำกัดเขียนไว้ในสมุดบันทึก) ว่าได้ช่วยเขาอย่างมากจริงๆ..." (จาก คำเกริ่นนำโดย ฉลบชลัยย์ พลางกูร ในหนังสือ เตียง ศิริขันธ์วีรชนนักประชาธิปไตย ขุนพลภูพาน โดย ศ.วิสุทธ์ บุษยกุล หน้า 17)


พลพรรคเสรีไทยภาคอีสานจากค่ายต่างๆ ฝึกฝนพัฒนาตนแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ โดยได้รับการสนับสนุนด้านอาวุธยุทธปัจจัยจากประเทศสัมพันธมิตร แม้ว่าสุดท้ายแล้วญี่ปุ่นกลับประเทศฝ่ายอักษะ จะประกาศยอมแพ้สงครามเสียก่อนที่กองทัพเสรีไทยได้สำแดงพลังต่อสู้ให้ ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลก แต่ถึงกระนั้น ด้วยอุดมการณ์อันสูงส่ง แสดงจุดยืนอย่างชัดเจน มีหลักฐานทั้งด้านเอกสารและกำลังพลเพียบพร้อม สามารถอ้างเป็นหลักฐานให้ประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรเชื่อว่าประเทศไทย ไม่ใช่พวกเดียวกับญี่ปุ่น ดังคำสุนทรพจน์ของ "รูธ" ที่ได้กล่าวในพิธีสวนสนามกองทัพเสรีไทยท่อนหนึ่งว่า

"...เสรีไทยมิใช่ผู้ที่อยู่ใต้ครอบ ครองของญี่ปุ่น ความหมายก็คือไทยที่เป็นเสรีไทยทั้งหลายที่ต้องการให้ประเทศของตนเป็นอิสระ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ต่างประเทศรับรองการกระทำของผู้ที่อยู่ในต่างประเทศ หาใช่คณะหรือพรรคการเมืองไม่ ส่วนองค์การต่อต้านภายในประเทศนั้น ในชั้นเดิมไม่มีชื่อเรียกองค์การว่าอย่างไร การชักชวนให้เริ่มงานตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2488 เป็นต้นมา ก็ชักชวนต่อต้านญี่ปุ่นให้พ้นประเทศ และเมื่อองค์การภายในและภายนอกประเทศติดต่อกันแล้วในชั้นหลัง สาส์นที่เจ้าหน้าที่ต่างประเทศได้มีมายังข้าพเจ้า เรียกขานองค์การที่เราร่วมงานระหว่างคนทั้งภายในและภายนอกนี้ว่า Free Siamese Movement หรือขบวนการเสรีไทย เป็นนามสมญาที่ควรยอมรับ ข้าพเจ้าก็ได้ถือเอานามนี้โต้ตอบกับต่างประเทศโดยใช้นามองค์การว่า องค์การขบวนเสรีไทย...." (จากหนังสือเตียง ศิริขันธ์ ขบวนการเสรีไทยสกลนคร โดย ผ.ศ.ปรีชา ธรรมวินทร หน้า 132)


หลังจากอุทิศชีวิตเป็นแกนนำจัดตั้ง เสรีไทยสายอีสาน ภายใต้การบังคับบัญชาโดยตรงจากท่านปรีดี พนมยงค์ ซึ่ง นายเตียง ศิริขันธ์ให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก ร่วมกันนำพาประเทศผ่านพ้นมรสุมครั้งใหญ่มาได้ พบกับช่วงวันฟ้าใสในหน้าที่การงาน บำเพ็ญประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ได้เป็นรัฐมนตรีหลายสมัย ตั้งแต่รัฐบาลทวี บุณยเกตุ รัฐบาลเสนีย์ ปราโมช รัฐบาลปรีดี พนมยงค์ 1, 2, 3 และรัฐบาลถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ 1, 2, 3, 4 มีผลงานเด่นๆ มากมาย เป็นต้นว่าได้ก่อตั้ง "สันนิบาตแห่งเอเชียอาคเนย์" (Union of Southeast Asian) ซึ่งก็คือที่มาขององค์การ "อาเซียน" ในปัจจุบัน


แต่สุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้อง ชะงักงันเมื่อกลุ่มอำนาจนิยม-อนุรักษนิยมทำการรัฐประหารในวันที่ 8 พฤษภาคม 2480 คณะกลุ่มโจรปล้นประเทศพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดขั้วอำนาจเก่าสายท่าน ปรีดี พนมยงค์ โดยเอา "กรณีสวรรคตของรัชกาลที่ 8" เป็นข้ออ้างมาบ่อนทำลาย สร้างความชอบธรรมในการล้มล้างศัตรูทางการเมือง เข้ากุมอำนาจเผด็จการเบ็ดเสร็จ เป็นผลให้ท่านปรีดีต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ 4 ส.ส.อีสานถูกโจรในเครื่องแบบวิสามัญฆาตกรรมทางเมืองอย่างโหดเหี้ยมป่าเถื่อน ที่ทุ่งบางเขน นาย เตียง ศิริขันธ์ต้องหลบหนีเข้าป่าภูพาน และถูกยัดเยียดข้อหา "กบฏแบ่งแยกดินแดน" ในที่สุด และนายเตียงได้ฉายา "ขุนพลภูพาน" ก็จากการต่อสู้กับอำนาจรัฐครั้งนี้

อ่านฉบับสมบูรณ์ต่อที่ http://darkage-marcus.blogspot.com/2011/12/blog-post_1059.html

Laly Jil - ตามมาดูรายได้ของนายพลไทย

Laly Jil - ตามมาดูรายได้ของนายพลไทย

เงินเดือนของทหารขั้นสูงสุดคือ 76,604 บาทต่อเดือน
และเงินประจำตำแหน่งสูงสุด คือ 21,000 บาท

นั่นคือทหารที่ได้รับเงินตอบแทนต่อเดือนสูงสุดในยศ พลเอก อัตราจอมพล ก็คือ ได้รับ 97,604 บาท (เก้าหมื่นเจ็ดพันหกร้อยสี่บาท) ต่อเดือน ถ้าไม่กินไม่ใช้เลย ก็คือปีหนึ่ง จะได้รับค่าจ้าง 1,171,248 บาท (หนึ่งล้านหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นหนึ่งพันสองร้อยสี่สิบแปดบาทถ้วน)

ตีเป็นตัวเลขกลมๆ ก็คือ ปีละประมาณ ล้านสอง การที่ทหารคนหนึ่งจะได้เงินเดือนและเก็บเงินได้ครบสามสิบล้านบาท ก็คือใช้เวลาเป็นพลเอกอัตราจอมพล เป็นเวลา ประมาณสามสิบปี

ซึ่งไม่มีทางที่จะมีทหารคนไหนจะทำแบบนี้ได้เพราะกว่าจะขึ้นมาขนาดนี้ได้ก็ ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าสามสิบห้าปีที่มีเงินเดือนน้อยกว่านี้

http://goo.gl/5j6OzR

Cherry Caviara's photo.

Friday, December 4, 2015

พล.อ.อ.สิทธิ เศวตศิลา องคมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้ถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคชรา

"พล.อ.อ.สิทธิ เศวตศิลา"องคมนตรี ถึงแก่อสัญกรรม


updated: 05 ธ.ค. 2558 เวลา 11:00:55 น.

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

พล.อ.อ.สิทธิ เศวตศิลา องคมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้ถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคชรา ด้วยวัย 96ปี เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น.เช้าวันนี้ โดยกำหนดตั้งศพสวดพระอภิธรรมบำเพ็ญกุศล ที่ศาลา 100 ปี วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร กทม. ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคมเป็นต้นไป และมีพิธีรดน้ำศพในวันที่ 7 ธันวาคม เช่นกัน

สำหรับ พล.ต.อ.สิทธิ เศวตศิลา เกิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2462  ปัจจุบันเป็นองคมนตรี อดีตรองนายกรัฐมนตรีอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีต เลขาธิการสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Thursday, December 3, 2015

แถลงการณ์พรรคเพื่อไทย เรื่อง โครงการอุทยานราชภักดิ์

แถลงการณ์พรรคเพื่อไทย
เรื่อง โครงการอุทยานราชภักดิ์

 ตามที่พรรคเพื่อไทยได้มีแถลงการณ์ ฉบับลงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2558, 19 พฤศจิกายน 2558 และ 24 พฤศจิกายน 2558  เรียกร้องให้รัฐบาลแถลงรายละเอียดและมาตรการดำเนินการต่างๆ กรณีมีการทุจริตในโครงการอุทยานราชภักดิ์ เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งรับรู้และสนับสนุนโครงการอุทยานฯ มาตั้งแต่ต้น แสดงความรับผิดชอบและดำเนินการตรวจสอบหาผู้รับผิดชอบ ด้วยความโปร่งใส ไม่เห็นแก่ผู้ใดนั้น ต่อมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้มีคำสั่งให้ปลัดกระทรวงกลาโหม (พลเอกปรีชา จันทร์โอชา) แต่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีโครงการอุทยานฯ ทั้งๆ ที่ได้ปฏิเสธและยืนยันต่อสาธารณะมาโดยตลอดว่า โครงการอุทยานฯ ไม่เกี่ยวข้องกับทางราชการและดำเนินการโดยโปร่งใส 
 ณ บัดนี้ ได้ปรากฏข้อเท็จจริงสู่สาธารณะเพิ่มเติมขึ้นจากเดิม พรรคเพื่อไทยจึงเห็นเป็นความจำเป็นที่จะต้องแถลงข้อเท็จจริงต่อสาธารณะ รวมทั้งเสนอข้อเรียกร้องต่อผู้รับผิดชอบดังกล่าว คือ
1. ปรากฏข้อเท็จจริงกรณี นายชัยสิทธิ์  ตราชูธรรม ประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) เปิดเผยว่า เงินที่ใช้ในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ มีส่วนหนึ่งมาจากงบกลาง จำนวน 63.57 ล้านบาท  โดยผู้ที่รับผิดชอบในการสั่งจ่ายเงินคือ แผนกสั่งจ่ายงบประมาณ สำนักงานปลัดบัญชีกองทัพบก จึงเห็นได้ว่าโครงการอุทยานฯ ได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งขัดแย้งกับคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าโครงการอุทยานฯ ไม่ได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินแต่อย่างใด  
2. ปรากฏข้อเท็จจริงว่า งบประมาณที่ได้รับการจัดสรรและดำเนินการก่อสร้าง มีราคาสูงผิดปกติ เช่น งานสร้างป้ายทางเข้า (ป้ายชื่อ) ใช้งบประมาณถึง 5,031,700 บาท งบประมาณสร้างอาคารรักษาความปลอดภัย 2,254,300 บาท งานก่อสร้างรั้วรอบบริเวณภายในอุทยานราชภักดิ์ ใช้งบประมาณถึง 9,343,500 บาท เป็นต้น
3. ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ศาลทหารได้ออกหมายจับที่ 33/2558 และ 35/2558 ลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2558 และที่ 47/2558 ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2558 ให้จับกุมดำเนินคดีกับพันเอกคชาชาติ บุญดีและพลตรีสุชาติ          พรมใหม่ สำหรับพลตรีสุชาตินั้นเป็นกรรมการและเลขานุการมูลนิธิราชภักดิ์ ซึ่งมีพลเอกอุดมเดช สีตบุตร เป็นประธานมูลนิธิฯ  อีกทั้งเคยทำหน้าที่นายทหารฝ่ายเสนาธิการของพลเอกอุดมเดชมาตั้งแต่ครั้งเป็นแม่ทัพกองทัพภาคที่ 1 จากนั้นได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ร.11 รอ.พล1 ซึ่งเป็นตำแหน่งทางการทหารคุมหน่วยรบที่สำคัญยิ่งของกองทัพบกและครั้นเมื่อพลเอกอุดมเดชกำลังจะเกษียณอายุ ก็ได้เลื่อนตำแหน่งให้กับพันเอกสุชาติ พรมใหม่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ อัตราพลตรี 
สำหรับพันเอกคชาชาติ บุญดีนั้น พลเอกอุดมเดชได้แต่งตั้งให้เป็น ผบ.กรมทหารพรานที่ 36 ทภ.3 และจากนั้นได้ย้ายให้มาดำรงตำแหน่ง ผบ.ป.11 รอ.ทภ.1 ซึ่งเป็นตำแหน่งทางการทหารที่มีความสำคัญในกองทัพบกเช่นกัน และสุดท้ายเมื่อพลเอกอุดมเดชใกล้เกษียณอายุ ก็ได้ออกคำสั่งเลื่อนพันเอกคชาชาติเป็นรองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 แต่เมื่อพลเอกธีรชัย นาควานิช มาดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.ได้ยกเลิกคำสั่งพร้อมส่งตัวพันเอกคชาชาติ บุญดี กลับกองทัพภาคที่ 3 โดยเหตุนี้ทั้งพลตรีสุชาติ พรมใหม่และพันเอกคชาชาติ บุญดี จึงเป็นนายทหารที่มีความใกล้ชิดกับพลเอกอุดมเดช ทำหน้าที่ประหนึ่งนายทหารคนสนิท และได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่พิเศษต่างๆ มากมายนอกเหนือจากตำแหน่งทางทหารที่ดำรงตำแหน่งอยู่ เช่น โครงการอุทยานราชภักดิ์ที่พลตรีสุชาติถูกแต่งตั้งให้เป็นกรรมการและเลขานุการมูลนิธิราชภักดิ์ 
พรรคเพื่อไทยเห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏต่อสาธารณะเพิ่มเติมดังที่กล่าวมาในข้อ 1 ถึงข้อ 3 ชี้ให้เห็นว่าโครงการอุทยานฯ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของทางราชการ มีการทุจริตเกิดขึ้นอย่างชัดเจน การปฏิเสธความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชาในระดับชั้นต่างๆ โดยลำดับมา  จึงเป็นความบกพร่องและไม่รับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น  

พรรคเพื่อไทยจึงมีข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้
1) พลเอกอุดมเดช สีตบุตร ควรพิจารณาตัวเองด้วยการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ทั้งนี้เนื่องจากเมื่อพลตรีสุชาติและพันเอกคชาชาติถูกกล่าวหาว่ามีความผิดตามมาตรา 112 และ 113 ตลอดจนความผิดทางอาญาอื่นๆ พลเอกอุดมเดชจึงมีความมัวหมองอย่างยิ่งที่อาจจะถูกมองว่าเกี่ยวพันกับเรื่องต่างๆ ที่กำลังถูกกล่าวหาอยู่  พลเอกอุดมเดชในฐานะที่เคยดำรงตำแหน่ง ผบ.ร.21 และ ผบ.ทบ. และการเป็นราชองครักษ์ จึงย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าเพื่อความสง่างาม เพื่อดำรงศักดิ์ศรีของกองทัพบกและเพื่อรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพ  พลเอกอุดมเดชไม่อาจดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมได้อีกต่อไปแม้แต่น้อย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและอดีต ผบ.ทบ., พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ              รองนายกรัฐมนตรี  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและอดีต ผบ.ทบ.และพลเอกอุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและอดีต ผบ.ทบ. จะต้องร่วมกันตัดสินใจเพื่อดำรงไว้ซึ่งความจงรักภักดีของกองทัพบก ที่มีต่อสถาบัน อย่างหาที่สุดมิได้ ให้จนได้
2) เมื่อปรากฏว่ามีการใช้งบกลางของรัฐบาล และรัฐบาลมีมติ ครม.มอบหมายให้กองทัพบกเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ จึงมีความชัดเจนว่าโครงการอุทยานฯ อยู่ในความรับรู้เห็นชอบของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลมาตั้งแต่ต้น อีกทั้งยังมีข่าวภาพทางสื่อบ่งบอกว่า นายกรัฐมนตรีมีความสนิทสนมกับเซียนพระผู้รับจ้างถึงขนาดไปแสดงความยินดีเมื่อบุคคลนั้นได้รับเลือกตั้งเป็นนายก อบต.ในขณะที่ตนเองดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.  สิ่งที่นายกรัฐมนตรีแสดงออกมาโดยตลอดเกี่ยวกับโครงการอุทยานราชภักดิ์ จึงสวนทางกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น มีพฤติกรรมปกปิด ปฏิเสธความรับผิดชอบ ในฐานะที่นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งประธานกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติของ คสช.เช่นเดียวกับรัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พรรคเพื่อไทยจึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีรับผิดชอบกับกรณีดังกล่าว ในฐานะที่รัฐบาลมีนโยบายสำคัญที่แถลงต่อสาธารณะว่า จะปกป้องสถาบันฯ และจะป้องกันปราบปรามการทุจริต
นอกจากนั้น รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งปวง จะต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อการกระทำที่เกิดขึ้น

3) เมื่อมีพฤติการณ์ว่ามีการทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น มีการแสวงหาประโยชน์จากโครงการ ย่อมเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. , ส.ต.ง. , ส.ต.ช. , กรมสอบสวนคดีพิเศษ , ป.ป.ง. ที่จะต้องเข้ามาตรวจสอบโดยพลัน ทั้งนี้การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้มีคำสั่งให้ปลัดกระทรวงกลาโหม (พลเอกปรีชา จันทร์โอชา) แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ย่อมมีปัญหาในทางหลักการว่าจะเป็นการสอบสวนด้วยความโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม ปราศจากการแทรกแซงใดๆ และจะเป็นที่ยอมรับของสังคมหรือไม่ ที่ถูกต้องควรมอบหมายหน่วยงานที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบโดยตรงให้เข้ามาตรวจสอบ จึงจะมีความถูกต้องและเป็นที่ยอมรับได้มากกว่า


            พรรคเพื่อไทย
                  27 พฤศจิกายน 2558

ต้องพิสูจน์กันหน่อยแล้ว โกงจริง โกงไม่จริง จริงไม่โกง โกงแน่จริง

ต้องพิสูจน์กันหน่อยแล้ว โกงจริง โกงไม่จริง จริงไม่โกง โกงแน่จริง

เชิญร่วมขบวนรถไฟไปกับน้องๆนักศึกษา ทัศนาจร ชมอุทยานราชภักดิ์อันลือลั่น พร้อมกับ 7 โมงเช้า สถานีรถไฟธนบุรี บางกอกน้อย ค่ะ 



"วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์"เล่าเบื้องหลังไทยสอบตกมาตรฐาน"ไอซีเอโอ"

"วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์"เล่าเบื้องหลังไทยสอบตกมาตรฐาน"ไอซีเอโอ"

วันที่ 02 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 08:45:25 น.

 http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1427936109





ปัญหาการตรวจสอบมาตรฐานกรมการบินพลเรือน ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ "ไอซีเอโอ" ของประเทศไทยนั้น เริ่มส่งผลกระทบวงกว้างมากขึ้น โดยเบื้องต้นนั้นมีการควบคุมเที่ยวบินจากไทยไปญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ กระทั่งล่าสุด มีรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศ ระบุว่า จีนได้เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ห้ามสายการบินไทย ประเภทเช่าเหมาลำ เพิ่มเที่ยวบินใหม่ไปยังจีน ขณะที่อีกหลายประเทศที่รับทราบเอกสารข้อมูลจากไอซีเอโอ ก็เริ่มตั้งข้อสังเกตต่อมาตรฐานการบินของกรมการบินพลเรือนของไทยด้วยเช่นกัน

ถ้าพฤติกรรมของมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์คือทุจริต อีกสองมูลนิธิที่จะกล่าวต่อไปนี้ มีพฤติกรรมปล้นประชาชน

ถ้าพฤติกรรมของมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์คือทุจริต อีกสองมูลนิธิที่จะกล่าวต่อไปนี้ มีพฤติกรรมปล้นประชาชน

มูลนิธิชัยพัฒนาก่อตั้งเมื่อ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2531 โดยมีภูมิพลดำรงตำแหน่งนายกมูลนิธิ สิรินธรดำรงตำแหน่งประธานบริหารมูลนิธิและนายสุเมธ ตันติเวชกุล เป็นเลขาธิการมูลนิธิ มูลนิธิชัยพัฒนาเป็นที่มาของ "โครงการอันสืบเนื่องมาจาก "พระราช ดำริ" ที่มีโครงการมากกว่าสี่พันโครงการ (โครงการปล้นกลางแดด) แต่ละโครงการมีพ่อค้า นักธุรกิจ คหบดีตลอดจนหน่วยงานราชการและองค์กรต่างๆทุกภาคส่วนเปิดรับบริ จาค เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัยที่ทำให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของประเทศไทยกลายเป็นกษัตริย์ที่รวยที่สุดในโลก ทุกโครงการจะได้รับยกเว้นการเสียภาษีและไม่มีใครตรวจสอบได้ ( โครงการที่คิดขึ้นมามากมายด้วยจุดประสงค์ในการหาปล้นเงินประชาชนให้ กษัตริย์)

ส่วนมูลนิธิรัฐบุรุษ มีเปรมเป็นประธาน ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2526 จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2535 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดครบ 6 รอบ มีบุคคลหลายวงการได้มอบเงินให้พล.อ.เปรม เพื่อตั้งกองทุนสำหรับเป็นรางวัลผู้กระทำความดี ซื่อสัตย์สุจริต และจงรักภักดีต่อแผ่นดิน พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น"มูลนิธิรัฐบุรุษ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์" มูลนิธิแห่งนี้ก็ไม่เคยมีใครกล้าแตะต้องหรือตรวจสอบรายได้จากการบริจาคเช่น เดียวกับมูลนิธิชัยพัฒนา ต่างกันที่คนหนึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่รายหลังมีรายได้มหาศาล จนสามารถสร้างความอื้อฉาวในการเลี้ยงเด็กหนุ่มมากหน้าหลายตาไว้สำหรับปรน เปรอ โดยเฉพาะหนุ่มนักร้องที่มีข่าวว่าจุนเจือไปนับพันล้านบาท นี่ล้วนแล้วแต่ผลงานความสัตย์ซื่อที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมและจริยธรรมอันจอม ปลอมที่ไร้ยางอายของ "เปรม ทดแทนบุญคุณแผ่นดิน"

ถ้าหากมีการกล่าวหาว่าโครงการของมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์มีการทุจริต โกงกินเงินส่วนต่างของการก่อสร้างแต่อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีสิ่งปลูกสร้าง ให้ได้เห็นอยู่บ้าง และก็ยังได้ชื่อว่าเป็นสมบัติของชาติของประชาชน เพียงแต่เป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีราคาแพงเกินจริง ซึ่งเทียบกันไม่ได้เลยกับมูลนิธิชัยพัฒนาของภูมิพลและมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เพราะมูลนิธิปล้นประชาชนทั้งสองนี้ ไม่มีสิ่งใดที่จะเหลือให้ประชาชนได้เห็น นอกจากประธานมูลนิธิหนึ่งได้ชื่อว่า "เป็นกษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก" และประธานอีกมูลนิธิหนึ่ง ได้ชื่อว่าร่ำรวยล้นฟ้ามีเงินปรนเปรอชายหนุ่มมากหน้าหลายตาที่ฟุ่มเฟือย ที่สุดในโลก.....พี่น้อง คนไทยที่รัก ผมว่าความผิดของมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์มีความเลวอยู่บ้าง แต่คงไม่ถึงขั้นระยำเท่ากับมูลนิธิปล้นประชาชนทั้งสองอย่างแน่นอนครับ(โปรด ติดตามการทุจริตโกงกินที่ทำร้ายจิตใจคนไทยที่สุดในตอนต่อไป)

สมาพันธ์ตรวจสอบรัฐไทย แจ้งจับทูต US กรณีวิจารณ์ ม.112 ด้าน นปช. ยื่นหนังสือเรียกร้องรัฐบาลหยุดคุกคามและยุยงปลุกปั่นประชาชน

สมาพันธ์ตรวจสอบรัฐไทย แจ้งจับทูต US กรณีวิจารณ์ ม.112 ด้าน นปช. ยื่นหนังสือเรียกร้องรัฐบาลหยุดคุกคามและยุยงปลุกปั่นประชาชน

ที่กองบังคับการปราบปราม นายสนธิยา สวัสดี ตัวแทนสมาพันธ์ตรวจสอบรัฐไทย ยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษนายกลิน ทาวน์เซนด์ เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย กรณีแสดงความเห็นวิจารณ์กฎหมายอาญามาตรา 112

หนังสือดังกล่าวมุ่งหมายให้พนักงานสอบสวนถอดเทปถ้อยแถลงดังกล่าว พร้อมตรวจสอบความบริสุทธิ์ใจของผู้จัดการ โดยหากมูลความผิดตามบทบัญญัติกฎหมายอาญามาตรา 112 ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีต่อไป
 
ก่อนหน้านี้เอกอัครราชทูตสหรัฐฯได้แสดงความกังวลต่อบัญญัติดังกล่าว พร้อมยืนยัน การแสดงความคิดเห็นอย่างสันติไม่ควรถูกจำคุก ต่อมาประชาชนจำนวนหนึ่งนำโดยพระพุทธอิสระ เข้ายื่นหนังสือคัดค้านท่าทีดังกล่าว

อีกด้านหนึ่งแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. เข้ายื่นหนังสือเรียกร้องรัฐบาลยุติคุกคามแกนนำ นปช. และประชาชนทั่วไป ยืนยันการกระทำดังกล่าวไม่มีความชอบธรรม ขัดรัฐธรรมนูญ เรียกร้องขอผ่อนคลายท่าที
 
ขณะที่พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลมุ่งมั่นสร้างความสงบเรียบร้อย และเสถียรภาพ และให้สิทธิเสรีภาพต่อประชาชนอย่างเสมอภาค หากไม่กระทบต่อส่วนร่วม

นอกจากนี้รัฐบาลไม่สามารถให้คนบางกลุ่มมีอิสระที่จะสร้างความวุ่นวาย ปั่นป่วน ปลุกระดม อันจะเกิดความไม่สงบในประเทศได้ พร้อมเรียกร้องนปช. คิดถึงประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก

บิ๊กตู่ ลั่น บิ๊กโด่ง เป็นน้องชายโตมาด้วยกัน ถ้าผิดก็ยอมรับ

บิ๊กตู่ ลั่น บิ๊กโด่ง เป็นน้องชายโตมาด้วยกัน ถ้าผิดก็ยอมรับ บอก ผมไม่ใช่ศาลเป็นแค่คนนำเข้ากระบวนการ ย้ำ รอผลสอบให้ชัดเจน เชื่อ 2 คนที่หนีโกง ยัน ไม่ปรับครม.ตามกระแส

[?]19 ชีวิต บริสุทธิ์ พนักงานกรุงไทย ที่ต้องถูกจำคุก ทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกว่า 10 ปี!!

󾕎19 ชีวิต บริสุทธิ์
พนักงานกรุงไทย
ที่ต้องถูกจำคุก
ทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกว่า 10 ปี!!


󾕎อ่านความจริงที่คนทั้งประเทศต้องรู้!!!

󾮜🏻󾮜🏻󾮜🏻
ในสมัยปี 2540 ประเทศไทยพบกับวิกฤติต้มยำกุ้ง ธนาคารและภาคธุรกิจขาดสภาพคล่อง จำนวนมากต้องปิดตัวลง

ธนาคารกรุงไทยซึ่งเป็นธนาคารของรัฐจึงออกโครงการเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบที่เรียกว่า "อัศวินม้าขาว" (https://www.youtube.com/watch?v=hcrOxa-6HFg) เพ่ือรับช่วงต่อหนี้จากกลุ่มการเงินที่ขาดสภาพคล่องเพื่อพยุงให้ดำเนินการต่อไปได้

หนึ่งในหนี้ที่ธนาคารกรุงไทยเข้าไปช่วยเหลือคือ หนี้ของธนาคารกรุงเทพ ปล่อยกู้ให้กลุ่ม กฤษดามหานคร

กลุ่มกฤษดามหานคร เป็นกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติต้มยำกุ้ง กระทั่ง ปี 2546 มีหนี้ที่กู้ธนาคารกรุงเทพสะสมอยู่ถึง 9,900 ล้านบาท

ปลายปี 2546 ธนาคารกรุงเทพประสบวิกฤติขาดเงินทุนเช่นกัน จึงคิดจะให้กลุ่มกฤษดามหานครรีไฟแนนซ์โอนถ่ายหนี้ไปให้ธนาคารกรุงไทยแทน

ฝ่ายธนาคารกรุงไทยพิจารณาแล้วว่า หลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นที่ดินบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิที่กำลังสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ที่กลุ่มกฤษดามหานครมี มีมูลค่าเพียงพอที่จะค้ำประกันหลักทรัพย์ได้ ประกอบกับกลุ่มกฤษดามหานครไม่เคยผิดนัดชำระหนี้กับธนาคารกรุงเทพเลยนับเป็นลูกหนี้ชั้นดี ผู้บริหารธนาคารกรุงไทยจึงพิจารณาให้รีไฟแนนซ์ให้กลุ่มกฤษดามหานครโดยให้เงินกู้ 8,000 ล้านบาท

ซึ่งธนาคารกรุงเทพยอมลดหนี้ให้จำนวนหนึ่ง ทำให้กลุ่มกฤษดามหานครมีเงินเหลือพอที่จะนำไปหมุนทำธุรกิจต่อไปด้วย

ในขณะนั้นธนาคารแห่งประเทศไทยมีหน้าที่ตรวจสอบดูแลการทำงานของธนาคารเป็นปกติวิสัย หม่อมอุ๋ย ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยในขณะนั้นก็เข้ามาตรวจสอบการปล่อยกู้ครั้งนี้ และได้ทำรายงานการตรวจสอบไว้ โดยไม่ได้มีการตั้งข้อกล่าวหา หรือแสดงให้เห็นว่ามีความผิดปกติแต่อย่างใด การรีไฟแนนซ์ครั้งนี้ดูจะเป็นไปอย่างปรกติ แต่ทว่า...

ภายหลังการรัฐประหารปี 2549 คณะรัฐประหารได้ตั้ง องค์กร คตส.ขึ้นมา เพื่อตรวจสอบการเงินที่เกี่ยวกับ อดีตนายกฯทักษิณ และนำเอกสารการเงินของกลุ่มกฤษดามหานครมาตรวจสอบอีกครั้ง

คตส. พบว่ามีการออกเช็คจำนวน 26 ล้านบาท เพื่อขอซื้อหุ้นในธุรกิจที่สามารถโยงไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณได้ แม้จะเป็นเงินไม่ถึง1%ของวงเงินกู้ทั้งหมด และต้องอาศัยความเชื่อมโยงหลายชั้นถึงจะโยงไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณได้แต่ คตส. ก็เรียกคดีนี้ขึ้นมาสอบใหม่ โดยมีการตั้งข้อสงสัยเพิ่มว่า การปล่อยกู้นี้อาจอนุมัติเพราะได้รับคำสั่งมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ และเมื่อ คตส. หมดวาระไปก็ได้ส่งเรื่องไปให้ ป.ป.ช. 

ป.ป.ช. ได้นำสำนวนของ คตส. ไปส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยมีผู้บริหารกฤษฎามหานคร6คน ประธานกรรมการของกรุงไทย5คน เจ้าหน้าที่สินเชื่อของกรุงไทย10คน และ พ.ต.ท.ทักษิณตกเป็นจำเลย

แต่ต่อมา กรรมการ 2 ใน 5 คน ได้พ้นจากสภาพจำเลย เพราะได้ให้การว่ามี "บิ๊กบอส" เป็นผู้สั่งการให้มีการปล่อยกู้ และปัจจุบันกรรมการ 2 คนที่ให้การปรักปรำนั้น ก็ได้มาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลทหารของ คสช.

ในขณะที่ผู้บริหารอื่นๆของกรุงไทย ยืนยันว่าเป็นการปล่อยกู้โดยสุจริต เพราะหลักทรัพย์ที่นำมาคำประกันนั้นมีมูลค่าสูงพอจะรับประกันหนี้ และในปัจจุบัน หนี้ของกลุ่มกฤษดานครก็ไม่ได้ก่อความเสียหายใดๆ ต่อธนาคารกรุงไทย..

Wednesday, December 2, 2015

เผด็จการทหารพระราชาไทย กำลังช่วยจีนข่มขืนประเทศไทย

จเด็ด สิบเอ็ดทิศ.         #จีนมันกำลังขี่คอเราเรื่องรถไฟ ..ไอ้รัฐมนตรีก็แกล้งโง่ตาใส จ้องจะเซ็นสัญญาท่าเดียว ไอ่สลัดผักเอ๊ย .. ดอกเบี้ย 2-4 พ่อมึงตาย แม่ยายมึงสิ้น ก็ยังจะยอมเค้า .. (หากกู้ JICA ญี่ปุ่น เค้าคิด 1.5 เท่านั้น แต่กู้ไม่ได้ เพราะเป็นรัฐบาลทหาร ชาวโลกเค้ารังเกียจ)

เท่านั้นยังไม่พอ..ฝ่ายจีน ยังขอออกแบบเอง และให้บริษัทจากจีนสร้างเอง และยังขอทำการเดินรถเองอีกด้วย ..ไปๆมาๆ งบต้นทุนบานปลาย งอกออกมาอีกแสนกว่าล้าน  >.< ก็ยังจะยอมมัน ..ไอ้เหี้ยเอ๊ย..!!ได้ส่วนต่างเท่าไรวะ ??

สุดท้ายพอโดนหลายๆฝ่ายท้วงติง รมต.สมคิด จาตุฯ เลยให้ฝ่ายจีนไปปรับปรุงใหม่ในหลายๆรายละเอียด ..ส่วนไอ้รมต.คมนาคมตัวปัจจุบัน(ไอ่ตัวนี้มันเป็นร่างทรงของคสช. โง่ตาใส เค้าหลอกให้มานั่งเก้าอี้นี้ เพราะเค้าจะบุฟเฟต์กันในหมู่พี่น้อง แล้วให้มึงนั่นแหล่ะในฐานะ รมต.รับตีนไปในวันหน้า ก็ยังไม่รู้ตัว วันหน้า รัฐบาลประชาชนเป็นใหญ่ จะถลกหนังแม่ง!!แล้วยึดทรัพย์ให้หมดโคตรเลย  )ร้องจะเซ็นต์ จะวางศิลาฤกษ์ท่าเดียว ..อยากถีบหน้าแม่ง!!จริงๆ!! 

จากนั้น ฝ่ายจีนก็เงียบไปพักนึง กลับมาคราวนี้ เหี้ยหนักกว่าเก่า เริ่มออกลายได้ทีขี่หลังเสือ เสือบูรพาพยัคฆ์ซะด้วย ..เสนอหน้าตาเฉยเลยว่า จีนขอเปลี่ยนบริษัทซื้อยางพารา และขอไม่ซื้อยางเก่า จะซื้อแต่ยางใหม่เท่านั้น 

..เอ้า!!ไอ้เก๊าเจ้ง..ก็ในสัญญาความร่วมมือเรื่องสัมปทานรถไฟร่วม ไทย-จีน มึงบอกฝ่ายจีนจะรับซื้อยางไทยทั้งหมดด้วยไง๊ ..วันนี้เสือกมาบิดพริ้วหน้าตาเฉย จีนมึงค้าขายกับชาวบ้านแบบนี้ไง ลาว เวียดนาม เขมร ถึงไม่เอารถไฟของมึง รวมทั้งพม่าด้วย เค้ายกเลิกกันเป็นแถว มีไอ้ฟายไทยชาติเดียวนี่แหล่ะ ยังไม่รู้จะออกหัวออกก้อย .. ..>.<

ดีนะที่ รมต.สมคิด หัวเรือใหญ่โปรเจคนี้ ยังมีความดีอยู่บ้าง สั่งทุกหน่วยระงับการเซ็นต์สัญญาไว้ก่อน ให้เลื่อนออกไปก่อน เพราะจีนผิดข้อเงื่อนไขหลายอย่าง ทั้งเรื่องรถไฟ สัญญาที่1 เรื่องยางพารา สัญญาที่2 และ เรื่องเงินกู้ สัญญาที่3 .. 
 
ส่วนโครงการความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่น หลังจากที่ลงนามในบันทึกความร่วมมือพัฒนารถไฟไทย-ญี่ปุ่น เพื่อเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตกตอนล่าง เส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-แหลมฉบัง-สระแก้ว ที่ประเทศญี่ปุ่นไปเรียบร้อยแล้ว จากนี้ 2 ฝ่ายจะร่วมกันปรับปรุงราง ตั้งบริษัทร่วมทุนเดินรถ(ตั้งบริษัทเสร็จภายในเดือน มค.59นี่แหล่ะ) ร่วมกันและเริ่มทดสอบการเดินรถ และจะพัฒนาก่อสร้างเป็นทางคู่ในอนาคต
ญี่ปุ่นเค้าตรงไปตรงมา ออกแนวเอื้อเฟื้อ อลุ่มอล่วยให้เราหลายเรื่อง ไม่มีปัญหาอะไรกับเราเลย มืออาชีพมากๆในทุกๆเรื่อง บอกตามตรงว่า คนไทยอย่างกูอ่านรายละเอียดแล้วรู้สึกเกรงใจญี่ปุ่นจริงๆ 

ส่วนไอ้เก๊าเจ้งอีกสายนึงเนี่ย ..แม่ง!!คบไม่ได้จริงๆ เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ใช้นิสัยจังไร ใช้นโยบายเอาเปรียบขูดรีดคนอื่นแบบนี้ จีทูจีพ่อมึงดิ จีนมีแต่ได้ฝ่ายเดียว !!ฝ่ายไทยเสียเปรียบตลอด  

ชาติหน้าตอนสายๆมึงก็ไม่มีวันมีอำนาจเหนือคาบสมุทรอินโดจีนแน่นอน เพราะชาติแถบนี้เค้ารู้สันดานมึงเป็นยังไง แค่คบได้ผิวเผิน แต่จริงจังและลงลึกด้วยไม่ได้ เพราะมึงจ้องจะขี่คอเพื่อนตลอดเวลา ..ไอ้เพื่อนเลว..

ท่านทูตจีนคนใหม่ ฯพณฯ หนิง ฟู่ขุย อ่านภาษาไทยได้นี่ครับ เชิญอ่านด้วยนะครับ เพราะผมกำลังต่อว่าประเทศจีนและรัฐบาลจีนของท่านครับ  :)

หมายเหตุ : คสช.ผู้ใหญ่ทั้งหลายทั้งปวง ท่านอย่าดูเบาไปนะครับ รบกวนท่านแหกตาดูเรื่อง #การขาดดุลการค้าต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะ กับ ไอ้เก๊าเจ้งนี่ ..มันหนักขึ้นทุกวันแล้วนะครับ แซงหน้าคู่ค้าอันดับหนึ่งของเราอย่างญี่ปุ่นและสหรัฐฯไปแล้ว  เห็นมั้ยครับว่า การที่ถูกยุโรปแบนการค้าหลายอย่าง มันเป็นเช่นไร ส่งผลกระทบอย่างไร ?? เห็นนายพลหลายท่านบอกว่า อียูแบนเรา สหรัฐฯแบนเรา ก็ช่างแม่ง!! ..

ถามจริงๆท่านนายพลทุกท่าน เข้าใจเรื่องพวกนี้มั้ยวะท่าน ??

Tuesday, December 1, 2015

ป.ป.ช.ไม่พบทุจริต′ราชภักดิ์′ !!!!

ป.ป.ช.ไม่พบทุจริต′ราชภักดิ์′ ยังไม่รับ ไต่สวนปม′ราชภักดิ์′ รอ3 หน่วยงานส่งผลสอบ ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการทุจริต ยังไม่ตั้งคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริง เพราะยังไม่มีเหตุอันพึงสงสัย



นาย สรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า จากเดิมที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.มีมติให้สำนักงานป.ป.ช.รวบรวมข้อมูลที่ เกี่ยวข้องกับโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์โดยตนมอบให้สำนักการข่าวและ กิจการพิเศษของสำนักงานป.ป.ช.ไปรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานภาครัฐ และประชาชนซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลในภาพรวมยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการ ทุจริตแต่ในส่วนของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินหรือ สตง. ได้ตรวจพบว่ามีการใช้งบกลางของรัฐบาลในการจัดสร้างกว่า 63 ล้านบาท เป็นหน้าที่สตง.ที่จะตรวจที่มาที่ไปของเงิน

ขณะเดียวกันได้มีผู้ที่อ้างว่าได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าวได้ไปร้องทุกข์กองบังคับการปราบปรามในวันที่24 พ.ย.ที่ผ่านมาและทางกระทรวงกลาโหมได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการจัดสร้างเช่นกัน ทางป.ป.ช.เห็นว่ามีหน่วยงานที่ตรวจสอบแล้วจึงมีมติให้สำนักงานป.ป.ช.ติดตามผลการตรวจสอบของทั้ง 3 หน่วยงาน ว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่าอยู่ขอบเขตอำนาจในการเข้าไปตรวจสอบของป.ป.ช.ได้หรือไม่ ซึ่งทางป.ป.ช.จะเข้าไปตรวจสอบได้ต่อเมื่อเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือกระทำการทุจริตต่อหน้าที่

สำหรับการตั้งคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงกับเรื่องที่สังคมให้ความสนใจนายสรรเสริญกล่าวว่า การจัดตั้งคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงต้องปรากฏว่ามีเหตุอันพึงสงสัย จึงจะเข้าหลักเกณฑ์ที่ป.ป.ช.จะรับเรื่องมาดำเนินการได้ และประชาชนที่มาร้องเรียนสามารถทำได้แต่ต้องดูว่าเข้าเกณฑ์ 3 ข้อ ของป.ป.ช.หรือไม่ ได้แก่ มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ มีเหตุอันพึงสงสัยหรือไม่ อยู่ในอำนาจของป.ป.ช.หรือไม่ และกล่าวหาใคร มีหลักฐานที่ชัดเจน ซึ่งหากอยู่ในหลักเกณฑ์ก็สามารถรับเรื่องมาดำเนินการได้ไม่ต้องรอผลจาก 3 หน่วยงานข้างต้น โดยในขณะนี้ยังไม่มีผู้มาร้องเรียน

ส่วนที่กรณี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ออกมายอมรับว่ามีการหักค่าหัวคิวโรงหล่อจริง ขณะนี้ข้อมูลยังไม่มีเหตุอันพึงสงสัย เนื่องจากบุคคลที่เข้าไปเกี่ยวข้องเป็นเอกชน ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนที่สำนักการข่าวป.ป.ช.พบว่าการประมูลต้นปาล์มราคากว่า 1 แสนที่แพงเกินจริงนั้น นายสรรเสริญ กล่าวว่า ยังเป็นเพียงข้อมูล เป็นหน้าที่คณะกรรมการของกระทรวงกลาโหมในการตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง

Tags : ราชภักดิ์ อุทยานราชภักดิ์ ป.ป.ช.

Saturday, November 28, 2015

มติชน: ขอนแก่นโมเดล ภาค 2 PLOT หลวม ไม่สมจริง

วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 07:33:14 น.

      
         ขอนแก่นโมเดล ภาค 2 
         PLOT หลวม ไม่สมจริง

ทำท่าว่า การโหมประโคมในเรื่อง "ก่อกวน" ปั่นเพื่อพ่อ เทศกาลลอยกระทง ไปจนถึงเทศกาลปีใหม่
    อาจไม่ WORK
    หรือถึง WORK ก็อาจไม่บรรลุ "เป้าหมาย"
    บางคนอาจมองไปที่ "ปฏิกิริยา" และ "การโต้ตอบ" อย่างทันที ทันความจาก "นปช."
    ไม่ว่าจะเป็น นายจตุพร พรหมพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ
    อาจใช่ แต่การออกมาของ "นปช." มิใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้ปฏิบัติการทางการข่าว หรือ IO ครั้งนี้ไม่ WORK
    หรือทำท่าว่าอาจจะ "เดี้ยง"
    ความเป็นจริงมาจากการไม่ยอม "เด้ง" รับจากฝ่ายที่เคยประสานเสียงตั้งแต่หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
    ภาพล้อของ "บางสื่อ" ถึงกับเห็นเป็นเรื่อง "ตาหลก"
    กระนั้น ที่เป็น "ปัจจัย" ชี้ขาดว่าจะ "สำเร็จ" หรือว่าอาจจะ "ล้มเหลว"อย่างแท้จริงอยู่ที่ปัจจัย "ภายใน"
    นั่นก็คือ เนื้องานไม่ "เนียน"


การเอา
"ตัวละคร" ที่ระบุว่าเคยมีส่วนถูกจับกุมจาก "ขอนแก่น โมเดล"เข้ามาอาจทำให้แลดูหวือหวา
    แต่บังเอิญ "ยัดเยียด" ภารกิจให้ "หนักหนา"และสาหัสเกิน
    การป่วนกิจกรรมไบค์ ฟอร์ แด้ด อาจฟังดูน่ากลัว แต่การเลเพลาดพาดถึงระดับไปยึดสถานีตำรวจ ยึดค่ายทหาร
    เพริศแพร้วพรรณราย แต่ "ไม่น่าเชื่อถือ"
    ยิ่งขยายประเด็นไปถึงขั้นตระเตรียมลอบสังหาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
    ยิ่งน่าหัวร่อ
    ขนาดพรรคคอมมิวนิสต์มีกองทัพปลดแอกที่เรียกว่า"ทปท."ยังไม่เคยทำได้ระนาบ นี้ ขนาด "ขจก."ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีปฏิบัติการทางทหารต่อเนื่องมายาวนานยังไม่เคยทำได้ ระนาบนี้
    นี่แค่ "จ.ส.ต."และอายุกว่า 60 แล้วจะไหวหรือ
    ยิ่งกว่านั้น ในรายชื่อคนที่ถูกออกหมายจับจาก"ศาลทหาร"บางคนยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ
    เป็นไปได้ยังไง
    สรุปแล้ว  PLOT หลวม ฉากไม่เหมาะ ตัวละครขาดความสมจริง จึงกลายเป็นเรื่องน่าหัวร่อมากกว่าจะคิดว่าเป็นเรื่องจริง
    เดี้ยง

Thursday, November 26, 2015

WOW!! ศาลแพ่งพิพากษา ให้ “น.ส.แพรวา” และผู้ปกครองชดใช้ค่าเสียหายร่วม 30 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็

ศาลแพ่งพิพากษา ให้ "น.ส.แพรวา" และผู้ปกครองชดใช้ค่าเสียหายร่วม 30 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ กรณีขับรถซีวิคชนรถตู้โดยสารตาย 9 ราย เมื่อปี 2553
       
       ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (26 พ.ย.) ศาลนัดอ่านคำพิพากษา คดีที่ น.ส.สะโอด ซิมกระโทก และญาติของผู้เสียชีวิต 9 ราย และผู้บาดเจ็บ 4 คน จากอุบัติเหตุ น.ส.แพรวา หรือ อรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา ขับรถยนต์ซีวิค เฉี่ยวชนรถตู้โดยสารพลิกคว่ำ เมื่อคืนวันที่ 27 ธ.ค. 2553 ร่วมกันเป็นโจทก์รวม 28 คน ยื่นฟ้อง น.ส.แพรวา รวมทั้งบิดาและมารดา เรื่องกระทำละเมิด ให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายกว่า 100 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
       
       ศาลแพ่งพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีแพ่งที่สืบเนื่องมาจากคดีที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางมีคำ พิพากษาศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดว่าการขับรถของ น.ส.แพรวา เป็นการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ รวมถึงทรัพย์สินเสียหาย ซึ่งเป็นการกระทำละเมิด จึงต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน และเมื่อรับฟังได้ว่า น.ส.แพรวา จำเลยที่ 1 กระทำผิด บิดา และมารดา ซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 และ 3 ก็ไม่ได้นำสืบถึงความระมัดระวังในการดูแลจำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายด้วย
       
       พิพากษา ให้ น.ส.แพรวา บิดา และมารดาของ น.ส.แพรวา ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ประกอบด้วยค่าไร้อุปการะ และค่ารักษาพยาบาล รวมถึงค่าอื่นๆ ให้กับโจทก์ร่วม รวม 28 คน ซึ่งเป็นครอบครัวของผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บแต่ละคน ในจำนวนเงินแตกต่างกัน ตั้งแต่คนละ 4 พันบาท ถึง 1 ล้าน 8 แสนบาท รวมเป็นเงินประมาณ 30 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
       
       ภายหลัง พ.ต.อ.เอกศรัญ นิลวรรณ บิดาของ น.ส.สุดาวดี นิลวรรณ หนึ่งในผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ศาลสั่งให้ชดใช้เงินประมาณ 1 ใน 3 ของจำนวนเงินที่เรียกร้องไป ซึ่งความเห็นของผู้เสียหายส่วนใหญ่เห็นว่าน้อยเกินไป แต่ก็เคารพคำตัดสินของศาล โดยจากนี้ทางกลุ่มทนายความของโจทก์จะประชุมหารือกันในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ว่าจะมีการยื่นอุทธรณ์หรือไม่ และหากยื่นอุทธรณ์จะยื่นในประเด็นใด ส่วนค่าสินไหมทดแทนที่ศาลสั่งจ่ายนั้นแตกต่างกันออกไป ทั้งค่าไร้อุปการะ, ค่ารักษาพยาบาล, ค่าเดินทาง และค่าทุกข์ทรมานจากการรักษาอาการบาดเจ็บ และคาดว่าทางฝ่ายจำเลยจะมีการยื่นอุทธรณ์เช่นกันเพื่อยืดเวลาการจ่ายค่าเสีย หายออกไป
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีอาญาที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเยาวชนและครอบครัว 1 ยื่นฟ้อง น.ส.แพรวา อายุ 17 ปี (ขณะเกิดเหตุ) ต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ในความผิดฐานขับรถยนต์โดยประมาทจนเป็นเหตุในผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส และถึงแก่ความตาย และทรัพย์สินเสียหาย นั้น ซึ่งคดีได้ถึงที่สุดแล้ว ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำคุก น.ส.แพรวา 3 ปี แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 4 ปี บำเพ็ญประโยชน์ 48 ชั่วโมงต่อปี และห้ามขับรถจนกว่าจะมีอายุครบ 25 ปี ซึ่ง น.ส.แพรวาได้ยื่นฎีกาสู้คดี แต่ศาลไม่รับฎีกา จึงทำให้คดีสิ้นสุดตามคำพิพากษาดังกล่าว 

Monday, November 23, 2015

ข่าวลือเสี่ยโอโหดโฉดจริง (??) ศรีรัศมิ์ เป็นบ้าไปแล้ว แถมโดนขังที่บ้านราชบุรี เงินสองร้อยล้านก็ไม่ได้!!

มีข่าวมาจากทหารคสช. ว่าเค้าลงมติกันว่าไม่เอาทายาทชาย เพราะเหี้ยมโหดเกินไปจากกรณีหมอหยองและนายทหารใกล้ชิด
ส่วนน้องสาวประกาศชัด ยินดีนั่งเก้าอี้ถ้าส่วนใหญ่สนับสนุน และจะเป็นผลดีต่อราชบัลลังก์ พวกที่เหลือพากันสยองกลัวตายไม่ได้สวดศพทหารบอกว่า ขนาดยังไม่ขึ้นยังบ้าขนาดนี้ ถ้าขึ้นจะขนาดไหน พวกที่ต้องทำงานด้วยรู้สึกไม่ปลอดภัย
 ตอนนี้ศรีรัศมิ์ก็เป็นบ้าไปแล้ว โดนขังอยู่ที่บ้านราชบุรี เงิน 200 ล้านก็ไม่ได้จริง
ที่ผ่านมา เรื่องการกำจัดพงศ์พัฒน์ และหมอหยอง ปรากรม เป็นฝีมือเสี่ยล้วนๆ

ข่าวลือมาอย่างนี้ แล้วแต่ท่านจะพิจารณากันเอง



Saturday, November 21, 2015

[?]ญี่ปุ่นคิดและปฏิบัติอย่างไรต่ออิสลาม

󾓥ญี่ปุ่นคิดและปฏิบัติอย่างไรต่ออิสลาม

----------
30/10/58
----------

เรื่องนี้น่าสนใจ..ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เด็ดเดี่ยวมากที่ปกป้อง
ประเทศให้ห่างไกลและพ้นไปจากการเกี่ยวข้องกับมุสลิม
และศาสนาอิสลามโดยเด็ดขาด...

ชาวญี่ปุ่น มุ่งรักษา วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีของญี่ปุ่น
ดังนั้น จึงไม่มีผู้นำจากประเทศอิสลาม อายาตุล ของอิหร่าน นายกของประเทศอิสลาม มาเยื่อนญี่ปุ่น แม้ราชา ซาอุ หรือเจ้าชายซาอุก็ไม่มาเยือน ญี่ปุ่น เนื่องจาก ญี่ปุ่น ออกกฎเข้มงวด ต่อชาวมุสลิม และต่อศาสนาอิสลาม

1.ญี่ปุ่นเป็นประเทศเดียวในโลกที่ไม่ให้สัญชาติตนแก่
ชาวมุสลิม
2.ไม่ให้ การพำนักอย่างถาวร แก่มุสลิม
3.ในญี่ปุ่นห้ามการเผยแผ่ อิสลาม อย่างยิ่ง(strong ban)
4.ไม่สอน ภาษาอิสลาม และอาราบิค ในมหาวิทยาลัยJapan
5.ไม่อนุญาตให้นำคัมภีร์อัลกุรอานเข้ามาในประเทศ
6.อนุญาตให้ชาวมุสลิมที่ปฏิบัติตามกฎหมายของญี่ปุ่นอาศัย
อยู่ได้ชั่วคราวเพียง2แสนคนเท่านั้นซึ่งควรต้องพูดภาษาญี่ปุ่น
และทำพิธีทางศาสนาภายในบ้านของตนเองเท่านั้น
7.ญี่ปุ่นเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีสถานทูตในประเทศอิสลามน้อยมาก..
8.ชาวมุสลิมในญี่ปุ่นเป็นได้เพียงลูกจ้างของบริษัทต่างชาติ
9.ไม่อนุญาตให้วีซ่าแก่มุสลิมที่เป็นแพทย์,วิศวกร หรือ
ผู้จัดการ ที่บริษัทต่างชาติส่งมา  
10.บริษัทส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นมีกฎข้อบังคับไม่รับชาวมุสลิม
เข้าทำงาน...
11.รัฐบาลญี่ปุ่นมีความเห็นว่าชาวมุสลิมเป็นพวกอนุรักษ์นิยม
แม้โลกจะก้าวเข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์แล้วแต่พวกเขาก็ยังยืนยัน
ว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงกฎหมายศาสนาอิสลามให้เข้า
กับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
12.ชาวมุสลิมไม่สามารถเช่าบ้านในญี่ปุ่นได้
13.ถ้าชาวญี่ปุ่นรู้ว่ามีเพื่อนบ้านเป็นชาวมุสลิมแค่คนหนึ่ง
คนญี่ปุ่นในย่านนั้นจะตื่นตัวกันเป็นอย่างมาก
14.ไม่อนุญาตให้มีสถานศึกษาของชาวมุสลิมในประเทศญี่ปุ่น
15.ไม่มีการใช้กฏหมายชารีอะห์ของศาสนาอิสลามในญี่ปุ่น
16.ถ้าหญิงชาวญี่ปุ่นไปแต่งงานกับคนมุสลิมจะเป็นคนที่
สังคมรังเกียจและไม่ยอมรับไปตลอดชีวิต
17.ตามที่ศาตราจารย์คุมิโกะ ยากิ  ผู้ศึกษาเรื่องมุสลิม
อาหรับ มหาวิทยาลัยโตเกียวกล่าวว่า"ในญี่ปุ่นมีความคิดว่า
ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่มีจิตใจที่คับแคบและเราควรอยู่
ให้ห่างไกลไว้"

....ญี่ปุ่นอาจจะแพ้สงครามแต่พวกเขายังรักษาและเป็นเจ้าของประเทศเอาไว้ได้...ในญี่ปุนไม่มีการวางระเบิดฆ่าผู้คนในย่าน
ธุรกิจ,....ไม่มีการฆ่าเพียงเพื่อรักษาเกียรติของครอบครัว
รวมทั้งเด็กผู้ ไร้เดียงสาหรือใครๆก็ตามในญี่ปุ่นมี
เหตุการณ์ความไม่สงบที่ น้อยมาก
....ทั้งหมดนี้มันเป็นเรื่องที่น่าคิดนะ..ว่าไหมครับ!...

Friday, November 20, 2015

มหากาพย์ ราชฟัด เอ๊ย ราชภักดิ์

20 พ.ย. เวลา11.00น.วันนี้ผบ.ทบ.พลเอกธีรชัย นาควานิชแถลงปมขบวนการทุจริต"ราชภักดิ์" ทางช่อง VOICE TV จะถ่ายทอดสด ...ฝากถึงเพื่อนๆทุกท่าน อีกเรื่องวันนี้ ที่ 20 พ.ย. เวลา
18.00 น ตอนเย็นให้พวกเราดู ช่อง TV24 เสื้อแดงเพราะจะมี ท่านอาจารย์ สมลักษณ์ จัดกระบวนพล อดีต ผู้พิพากษาศาลฎีกาและ เคยเป็น ปปช.เก่าด้วย ท่านจะมาให้ความรู้ชี้
แจง ว่าการกระทำของ น.ส.ยิ่ง
ลักษณ์ ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร เป็นการยกกฎหมายฉบับเต็มๆมาค้านนายวิษณุ เครืองามนักกฏหมายสายตุ๊ตเปรม เป็นพวกจ้องกลั่นแกล้งทำลายล้างยิ่งลักษณ์ อย่าพลาดชม และช่วยแชร์ต่อๆไปยาวเล้ย..

ฟ้า พรทิพา หรือเป็นกรรมที่ล้มรัฐบาลพลเรือนเพื่อเชิญทหารยึดบ้านเมือง!!

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1492196627748874&id=1429845097317361


น่าเห็นใจเธอนะ.โทรหากำนันรึยัง
ฟ้า พรทิพา ข่าวเพื่อประชาชน
19 นาที ·
อยากให้ทุกคนอ่าน..,ตอนนี้ช่วงเวลาตีสอง 43 นาที ที่ยังนอนไม่หลับ และยังสับสนที่จะสู้ต่อยังไง บอกตัวเองเสมอ เราเจ็บไม่ได้ตายไม่ได้ และล้มไม่ได้ มาวันนี้ชีวิตเหมือนล้มทั้งยืน เหมือนการทำดีไม่ได้ดี และทำให้เราท้อ แต่บอกตัวเองว่าถอยไม่ได้. เพราะมองหน้าหลานตัวน้อยที่นอนข่าง ๆ กับลูกอีกสามชีวิต ที่ยังรอความหวังจากแม่คนเดียวที่เป็นที่พึ่ง ชีวิตเหมือนละครน้ำเน่า ที่หลายคนอาจไม่เข้าใจ. มาวันที่ทหารบุกบ้าน บุกฟ้าให้ทีวี อ้อนวอนขอร้องจนหมดแรง ว่าอย่าเอาแขนขาครอบครัวเราไป. กว่าจะสร้างมันขึ้นมาได้ เลือดตาแทบกระเด็น มาวันนี้มันหายไปกับการรู้เท่าไม่ถึงการ ผลที่สุดเงินหมด ของถูกยึดไปหมด เพราะเพียงรายการเสียงเสรี ซึ่งเราไม่เคยเห็นด้วยกับการที่จะมาด่าทหาร หรือต่อต้านรัฐบาลทหาร แต่วันที่รายการออกพลาดที่เราไวใจไม่ได้เช็ครายการ ก่อนออกพอมาถึงวันนี้กลายเป็นคนผิด เหมือนถูกตัเแขนตัดขา เมื่อสองวันก่อนท้อถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย.... แต่ต้องหยุดความคิดและข้ามความทุกข์ในวันนั้นมาให้พ้น.., เพื่อแม่ที่แก่แล้ว และลูก 3 คนหลานรักอีก 1 คน ที่ต้องคอยลุกขึ้นชงนมให้กินทุกคืน... ถ้าเราตายไปพวกเขาเหล่านี้จะอยู่ยังไง แถมลูกน้องอีก 20 กว่าชีวิตที่รอความหวังว่าไม่ตกงาน. ชีวิตผู้หญิงตัวคนเดียวที่ต่อสู้ขีวิตมาทั้งชีวิต และสู้เคียงข้างมากับ พธม. กปปส. หลายครั้งที่เกือบตายเพราะกระสุนปืนและระเบิด ในการชุมนุม แต่ไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว หมดเงินไปกับการชุมนุมมากมาย แต่มาวันนี้เวลาเราเดือดร้อน โทรหาใครผู้ใหญ่ก็บ่ายเบี่ยงในการช่วย เลยบอกตัวเองว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน..., ไม่โกรธรัฐบาลทหาร ไม่โกรธใคร แต่น้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง...,แต่ไม่พ่ายแพ้ต่อชีวิตทร่เกิดขึ้น จะขอความเป็นธรรมจากสังคมและจาก รัฐบาลทการ เพราะคนคนนี้ต้องอยู่เพื่ออีกหลายชีวิต วิงวอนสังคมที่อาจเข้าใจผิด จงเข้าใจผู้หญิงนักสู้คนนี้ด้วยเถิด.., เขียนออกมาจากใจในยามค่ำคืนที่นอนไม่หลับเพราะความทุกข์หนัก กับการถูกทหารตัดแขนตัดขาไปรอบนี้....รักชาติ รักทหาร สิ่งที่ตัวเองพูดเสมอมา.,, แต่มาวันนี้ทหารบุกบ้าน มายึดของ เครื่องมือที่ทำมาหากินเลี้ยงคนหลายชีวิต มาจบสิ้นพายในพริบตา แถมตำรวจจับเข้าห้องขัง 1 คืน ถามว่าใจสู้ใหมสู้ แต่เงินสับสินหมดแล้ว ชีวิตจะเดินต่ออย่างไร ?

October Free Thai's photo.
October Free Thai's photo.
October Free Thai's photo.

อยากให้ อ่าน ช้า ช้า สบายๆ ให้จบ

อยากให้ อ่าน ช้า ช้า สบายๆ ให้จบ


เมื่อตอนที่นก

ยังมีชีวิตอยู่..

มันจะกินมดเป็นอาหาร

แต่เมื่อมันตาย..

มันก็จะถูกมดกินเป็นอาหารเช่นกัน


ต้นไม้หนึ่งต้น

สามารถทำเป็นไม้ขีดไฟได้เป็นล้านๆก้าน

แต่ไม้ขีดไฟเพียงหนึ่งก้าน

ก็สามารถเผาต้นไม้ได้เป็นล้านๆต้นเช่นกัน


จงอย่ามองข้ามคนที่ด้อยกว่า เพราะหลงตัวเองว่ายิ่งใหญ่


อย่ามองข้ามลูกค้ารายเล็ก 

ไม่เห็นคุณค่าของพวกเขา

เพราะสักวันหนึ่งเขาอาจเป็นลูกค้ารายใหญ่ของเราก็เป็นได้ 


อย่าคิดว่าเราแข็งแรงไม่มีวันป่วยเพราะอายุยังน้อย

โลงศพไม่ได้มีไว้ใส่คนแก่แต่มีไว้ใส่คนตาย


อย่าคิดว่าฉันรวยใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย

สักวันเงินเพียง1พัน

อาจมีค่ามากมายในวันตกอับก็ได้


ไม่มีอะไรแน่นอนในชีวิต 

ใหญ่ได้ก็เล็กได้

รวยได้ก็จนได้

แข็งแรงได้ก็ป่วยได้

เกิดได้ก็ต้องตายได้

ทุกคนไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า 

ท่องจำให้ขึ้นใจ

"อย่าหลงตนอย่าลืมตัว"

และที่สำคัญ

"ข้าจะไม่ประมาท"

กับชีวิตอีกต่อไป..


จะไม่ว่างแค่ไหนก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี


แม้ว่าบางครั้งติดต่อเพื่อนได้ยาก

แต่ก็ให้คิดถึงเสมอ..


ส่งให้คนที่รักและเพื่อนที่ดีด้วยนะ (love)

แผนลุกตอนที่ 3 วันที่ 20 พฤศจิกายน 2015

แผนลุกตอนที่ 3 วันที่ 20 พฤศจิกายน 2015

แนวทางคิดต่อไปนี้ ที่กล่าวว่า

  1.เรารักในหลวง เพราะท่านรวยที่สุดในโลก "จิง - เหรอ - อ๋อ" จิง จิง เพราะท่านมีที่ดินในกรุงเทพ และในประเทศ เป็นพัน หมื่นไร่ มีทองคำ มีน้ำหนักเป็น ตันๆ กิโลกรัม มีวังที่ว่างเปล่า อยู่เกือบทุกภาคของประเทศ มีธุระกิจโรงแรม ในต่างประเทศ หลายแห่ง ถ้าไม่เชื่อก็ถาม Google ดู "ออ - จิง - ดิ"

  2.เรารัก 112 "จิง - เหรอ - อ๋อ" จิง สิ เพราะเป็นกฏหมายคุ้มครอง ป้องกัน ไม่ให้คนไทยคิด ถึงแม้จะถาม Google ก็อาจจะไม่มีโอกาสทำได้ ให้นึก คิดว่า ในหลวง เป็นเทวดา เป็นที่เคารพ จะแตะต้องมิได้ เราต้องรักท่าน "ออ - จิง - สิ"

3.เรารักประยุทธ์ " จิง - จิง - เหรอ" อ๋ออย่าลืมว่า ประยุทธ์ เป็นนายกที่ฉลาดมาก มีความคิดเฉียบแหลม ขณะนี้จะซื้อ เรือเหาะ หรือ คนทั่วไปเรียกว่าจรวด เพื่อจะนำผลผลิตจากประเทศไท ไปขายที่ดาวอังคาร เราต้องให้กำลังใจนายก ให้ผลงานสำเร็จเร็วๆ "อ๋อ - อาจ - จะจิง"

4.เรารัก 44 " จิง - เหรอ - อ๋อ"     น่าจะจิงมากๆ เพาะ 44 เป็นกฏหมายของ นายกผู้ฉลาด เพื่อจะให้กฏหมายนี้ใช้เหมือนจรวดที่มีความเร็วไปดาวอังคาร "ออ - จิง - มากๆ"

5.เรารัก ธรรมนูญแบบ ไท ไท " จิง - เหรอ - อ๋อ" จิงมากๆ เพราะนายกพูดเสมอว่า ขณะนี้ ประเทศไท เป็นประชาธิปไตย 99.99% ความฉลาดของนายก มีความรู้ ความสามารถมากกว่าคนไทยเกิน 100% "ออ - เออ - นายกฉลาดจิงๆ"
 
6.เรารัก มีชัย บวรศักดิ์ "จิง - เหรอ" น่าจะจิง เพาะบุคคลทั้งสองนี้เป็นผู้ตั้งกฏเกณฑ์ หรือ เราเรียกว่า รัฐธรรมนูญของชาติ ให้รัดกุม ปฏิรูปต่างๆ ไม่ให้ช่อโกงหลวง บุคคลทั้งสองนี้ มีความสามารถ ฉลาด เกือบเท่านายกคือ 99.99% น้อยกว่านายก 0.01% เท่านั้น " อ๋อ - เป็นคน -เก่งจิงๆ" ประเทศไท โชคดีมากๆ

7.เรารัก ความยุติธรรมของศาลไท "จิง-เหรอ-อ๋อ" น่าจะจิง เพราะท่านผู้พิษากเกือบทุกคนมีจิตใจ ขาวสะอาด ผุดผ่อง

Thursday, November 19, 2015

หนังสือลับ ... สรุปรายนามผู้กระทำการทุจริต และผิดมาตรา 112 ประกอบด้วย....


หนังสือลับ สรุปรายนามผู้กระทำการทุจริต และผิดมาตรา 112 ประกอบด้วย
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา. พลเอกอุดมเดช สีตบุตร. พ.อ.คชาชาติ บุญดี พลตรีสุชาติ พรหมใหม่ นายสุริยัน (หมอหยอง ตาย). พลตรีพิสิฐศักดิ์(ตาย). พ.ต.ต.ปรากรม(ตาย) นายจิรวงศ์(เกือบตาย) พลเอกสุรเชษฐ์ พ.อ.ณัฐวัฒน์........โอ้ว มือสั่นเลย

Tuesday, November 17, 2015

Monday, November 16, 2015

||||||:- ดร.เพียงดิน รักไทย 2015-11-17 ชวนคิดชวนลุย ตอน ชนวนสงครามโลกครั้งที่สาม และสงครามกลางเมืองไทย??

||||||:- ดร.เพียงดิน รักไทย 2015-11-17 ชวนคิดชวนลุย ตอน ชนวนสงครามโลกครั้งที่สาม และสงครามกลางเมืองไทย??

Sunday, November 15, 2015

เด๋วนี้เป็นผู้แทนพระองค์มันง่ายจิมๆๆ อิ ๆ

เด๋วนี้เป็นผู้แทนพระองค์มันง่ายจิมๆๆ
________
เมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2558 ณ วัดบางแวก แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐินให้ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ผู้กำกับชื่อดัง ,ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรมพิเศษ มูลนิธิร่วมกตัญญู และประธานบริษัท บิณฑ์ บูม บิสซิเนส จำกัด เป็นผู้แทนพระองค์นำมาพระราชทานถวายผ้าพระกฐิน พร้อมขบวนอัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานและเครื่องบริวารพระกฐิน
ในเวลา 16.00 น. ตามหมายกำหนดการ เจ้าหน้าที่ผู้รับรองของสำนักพระราชวังได้จัดลูกเสือนักเรียนจากโรงเรียนวัดบางแวกตั้งแถวตอบรับผู้เป็นประธานงาน บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ไปยังจุดตั้งโต๊ะหมู่บูชาประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ มีธูปเทียนแพ กระทงดอกไม้ใส่พานตั้ง เป็นการถวายความเคารพสักการะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และเมื่อเสร็จพิธีถวายสักการะ เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังได้รับรองเชิญผู้เป็นประธานให้นั่งพัก ณ ที่ซึ่งจัดไว้ในพระอุโบสถถวายผ้าพระกฐินพร้อมด้วย รัตนา สมสกุลรุ่งเรือง ประธานมูลนิธิร่วมกตัญญู ,ทวีชัย จริยะเอี่ยมอุดม บริษัท ท๊อปไลน์ไดมอนด์ จำกัด คณะเจ้าภาพร่วมพิธี โดยมี พระครูธีรธรรมนันท์ เจ้าอาวาสวัดบางแวก กล่าว พระสงฆ์อนุโมทนา ผู้เป็นประธานกรวดน้ำ แล้วพระสงฆ์ถวายอดิเรก จบประธานกราบพระรัตนตรัยเป็นอันเสร็จพิธี
หลังเสร็จสิ้นพิธีกรรมทางศาสนาแล้ว บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ถวายปัจจัยบำรุงแก่วัดบางแวก จำนวน 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน) และได้มอบทุนการศึกษาแก่มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี หลังจากนั้นประธานฯบิณฑ์ ก็เดินทักทายเหล่าญาติสนิทและแฟนคลับ พร้อมร่วมรับประทานอาหาร เฮฮาปิดท้ายด้วยการแสดงจากศิลปินนักร้องค่าย ท๊อปไลน์ไดมอนด์

ดร.เพียงดิน 15 พ.ย. 2558 ตอน "ภารกิจศักดิ์สิทธิ์ ที่ประชาชนอภิวัฒน์ ไม่มีทางแพ้"

||||||:- ดร.เพียงดิน 15 พ.ย. 2558 ตอน "ภารกิจศักดิ์สิทธิ์ ที่ประชาชนอภิวัฒน์ ไม่มีทางแพ้"




||||||:- อ.ชูพงศ์ เปลี่ยนระบอบ 15 พ.ย. 58 ปรับยุทธวิธี เพื่อ ยกระดับเงื่อนใขเปลี่ยนระบอบ

https://youtu.be/iC91qui8LSo
||||||:- อ.ชูพงศ์ เปลี่ยนระบอบ 15 พ.ย. 58 ปรับยุทธวิธี เพื่อ ยกระดับเงื่อนใขเปลี่ยนระบอบ
_____________ 

มารวมพลังสานแรงเพื่อหนุนขบวนนำเจรจากับนานาชาติกันครับ

หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
เพื่อร่วมเป็นฐานของการปฏิวัติในอนาคตอันใกล้นี้ และเริ่มต้นทำงานในฐานะมดแดงล้มช้างทันที (ข้อมูลทุกอย่าง เป็นความลับสุดยอด ดร.เพียงดิน รักไทย จะดูแลเองแต่ผู้เดียว และอย่าได้ติดตามลิ้งค์อื่นใด นอกจากลิ้งค์นี้จากเฟสบุ๊คของดร.เพียงดิน และลิ้งค์ที่อยู่ใต้ยูทูปวิดีโอของ มหาวิทยาลัยประชาชน Official เท่านั้น)

Saturday, November 14, 2015

แนวร่วมปัตตานียันต้องการรัฐเอกราช | เดลินิวส์ 27 สิงหาคม 2558

แนวร่วมปัตตานียันต้องการรัฐเอกราช | เดลินิวส์



แนวร่วมปัตตานียันต้องการรัฐเอกราช คณะผู้แทนเจรจาของแนวร่วมสภาที่ปรึกษาปัตตานียัน เป้าหมายสุดท้ายของการต่อสู้คือ การแยก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยเป็นรัฐเอกราช พร้อมขู่ความรุนแรงจะมีมากขึ้นอีก จนกว่าสิทธิในการตัดสินใจตนเองของชาวมุสลิมในพื้นที่จะได้รับการรับประกัน วันพฤหัสที่ 27 สิงหาคม 2558 เวลา 22:41 น. สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ว่า ตัวแทนแนวร่วม 6 กลุ่มก่อความไม่สงบ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ในนาม สภาที่ปรึกษาปัตตานี ที่เข้าร่วมการเจรจาสันติภาพอย่างไม่เป็นทางการ กับผู้แทนของรัฐบาลไทย เป็นเวลา 3 วัน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ สิ้นสุดลงเมื่อวันพฤหัสบดี กล่าวย้ำความต้องการรัฐเอกราช และพร้อมจะเจรจาเพื่อหาทางแก้ไขปัญหา นายอาบู ฮาเฟซ อัล-ฮาคิม ตัวแทนของสภาฯ กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ภายหลังเสร็จสิ้นการเจรจา ว่า พวกตนต้องการย้ำว่า พวกตนไม่ละทิ้งข้อเรียกร้อง ความต้องการเป็นรัฐเอกราช ซึ่งนั่นเป็นเป้าหมายสุดท้ายของการต่อสู้เพื่อปัตตานี แต่พวกตนพร้อมที่จะนั่งโต๊ะเจรจาเพื่อหาทางออก ที่จะทำให้ชาวมุสลิมมีสิทธิในการตัดสินใจอนาคตของตนเอง การแถลงข่าวครั้งนี้ไม่มีคณะผู้แทนเจรจาของรัฐบาลไทยเข้าร่วมการแถลงด้วย รัฐบาลไทยของอดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตกลงในปี 2556 ที่จะเปิดการเจรจาสันติภาพอย่างเป็นทางการ กับกลุ่มก่อความไม่สงบกลุ่มหนึ่ง แต่การเจรจาไม่เคยเกิดขึ้น หลังจากไทยเกิดการรัฐประหารโดยกองทัพ นายอัล-ฮาคิม กล่าวอีกว่า ท้ายที่สุดชาวปัตตานีจะเป็นผู้ตัดสินใจว่า ทางแก้ไขปัญหาคือรัฐเอกราช หรือเขตปกครองตนเองภายใต้รัฐบาลไทย ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 5,000 ศพ จากการก่อความไม่สงบนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 ส่วน นายอาหวัง จาบัต ประธานสภาที่ปรึกษาปัตตานี กล่าวว่า แนวร่วมสภาฯ ต้องการให้รัฐบาลไทยบรรจุการเจรจาสันติภาพเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อรับประกันความต่อเนื่อง หากรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นมามีอำนาจ และว่า ระหว่างการเจรจา แนวร่วมได้ขอเอกสิทธิคุ้มครอง สำหรับคณะผู้เจรจา เพื่อรับประกันเสรีภาพในการเดินทางในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ของไทย ขณะที่รัฐบาลไทยได้หยิบยกประเด็นการก่อตั้งเขตปลอดภัย และการพัฒนาเศรษฐกิจ เป็นส่วนหนึ่งของหลายประเด็นที่นำเสนอในที่เจรจา นายจาบัต กล่าวอีกว่า แนวร่วมฯ ได้เชิญผู้มีส่วนร่วมทุกฝ่ายเข้าสู่กระบวนการ เพื่อรวมความพยายามเป็นหนึ่งเดียว สำหรับการตัดสินใจด้วยตนเอง พวกตนต้องการรับประกันว่า กฎหมายและกฎเกณฑ์ของอิสลามจะถูกบังคับใช้ และอัตลักษณ์ของชาวมุสลิมจะได้รับการปกป้อง ในแง่ของภาษาและอักษรยาวี นายจาบัตยังได้กล่าวเตือนว่า จะมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นอีก จนกว่าสิทธิในการตัดสินใจด้วยตนเองของชาวมุสลิมจะได้รับการรับประกัน ยังไม่มีการตัดสินใจ สำหรับกำหนดวันนัดเจรจารอบต่อไป."

อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/foreign/344472

Wednesday, November 11, 2015

เฟส เพจ กรุงเทพ กรุงเทพ เปิดรายชื่อ ครูฝึก 10 คน ที่รุมทำร้าย พลทหารวิเชียร เผือกสม อายุ 26 ปี จนเสียชีวิต

เฟส เพจ กรุงเทพ กรุงเทพ

เปิดรายชื่อ ครูฝึก 10 คน ที่รุมทำร้าย
พลทหารวิเชียร เผือกสม อายุ 26 ปี จนเสียชีวิต
ภาพแรกคือ ร้อยโท ภูริ เพิกโสภณ (ผู้ต้องหา)

‪#‎รายชื่อผู้ร่วมก่อเหตุ‬

ร้อยโท ภูริ เพิกโสภณ (ผู้ต้องหา)

ร้อยตรี โอม มาลัยหอม (จำเลยที่๑)

สิบเอก สุรศักดิ์ หรือ หรั่ง บุญเมือง (จำเลยที่๒)

สิบเอก กมล หรือ เด่น บัวทอง (จำเลยที่๓)

สิบเอก อาคม หรือ จิ๋ว จังหรีด (จำเลยที่๔)

พลทหาร ฐากูร หรือ แก็บ สมานุกร (จำเลยที่๕)

พลทหาร กิตติพงศ์ หรือ แม็ค โจ้งจาบ (จำเลยที่๖)

พลทหาร เกริกพันธ์ หรือ บอล แกล้วทนงค์ (จำเลยที่๗)

พลทหาร สมัย หรือ หมัย ไกรทิพย์ (จำเลยที่๘)

พลทหาร สาธร หรือ อ้อย เพชรจำรัส (จำเลยที่๙)

พลทหารวิเชียร เผือกสม เขาถูกครูฝึกนับ 10 คนรุมทำร้าย
โดยอ้างต้องลงโทษเพราะพยายามหลบหนี จากหน่วยฝึก 2 ครั้ง
ทั้งการตบหน้า บังคับให้กินพริกสด ลากตัวไปกับพื้นปูน ใช้เกลือทาที่บาดแผล เหยียบหน้าอก ใช้ผ้าขาวห่อตัวเหลือแต่หน้า พร้อมมัดตราสังข์เหมือนศพทั้งที่ยังมีชีวิต

เขายังถูกบังคับให้กินข้าวบนก้อนน้ำแข็ง วางก้อนน้ำแข็งทับหน้าอก
ถูกฟาดด้วยไม้ไผ่จนไม้ไผ่แตก 3 อัน ขาถูกแทงด้วยไม้ไผ่แหลม
ถูกเตะที่ชายโครง หน้าอก กระทืบท้ายทอยจนคางแตก
และเตะใบหน้าจนเลือดออกปาก

พยานในเหตุการณ์เล่าว่า พลทหารวิเชียรก้มลงกราบเท้าครูฝึก
และขอร้องให้หยุดทำร้าย แต่ครูฝึกยังไม่หยุด เสียงร้องอย่างเจ็บปวด สลับกับเสียงกระทืบ ดังจนร้อยโทผู้บังคับหน่วยฝึก ชะโงกหน้า จากอาคารชั้นบนมาดู และพูดว่าอย่าำแรงมากนัก

ครูฝึกจึงพาพลทหารวิเชียรไปทำร้ายต่อบริเวณอื่น หลังถูกรุมทำร้ายนาน 3 วัน พลทหารวิเชียรไตวาย เพราะกล้ามเนื้อบาดเจ็บรุนแรง และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลขณะอายุ 26 ปี

สภาพศพบวมช้ำทั้งตัวจนญาติแทบจำไม่ได้ คือการฆ่าทรมานกลางสถานที่ราชการ ต่อหน้าผู้บังคับหน่วยฝึก ข้าราชการ และทหารใหม่ไม่ต่ำกว่า 200 คน

ผู้ตายคือน้าชายของ นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ หรือเมย์
เธอสูญเสียน้าชายขณะเรียนชั้นปี 2 และหลายครั้งต้องหยุดเรียน
มาเดินเรื่องฟ้องคนฆ่าน้าชาย ซึ่งเต็มไปด้วยอุปสรรคตลอด 4 ปีที่ผ่านมา

ล่าสุดอัยการจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาสำนวนคดี นริศราวัลถ์ ยอมรับว่ามีหลายคนไม่เห็นด้วย
กับการเดินหน้าฟ้องในคดีอาญา เพราะส่วนใหญ่คิดว่า สู้ยังไงก็ไม่ชนะคดี
แต่เธอต้องการสู้เพื่อให้สังคมเห็นว่า ลูกชาวบ้าน ก็ลุกขึ้นมาทวงความยุติธรรมได้

Cherry Caviara's photo.
Cherry Caviara's photo.
Cherry Caviara's photo.
Cherry Caviara's photo.
Cherry Caviara's photo.

โอละพ่อ... คดีหมิ่นฯ ... ขว้างงูไม่พ้นคอ ทหารใหญ่ คสช. อาจมีเอี่ยวร่วมแดก!!1

ข่าวคืบหน้าจากทีมสอบสวนพล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ กล่าวเปิดเผยบางส่วนถึง.. เครือข่ายแอบอ้างเบื้องสูงที่มีนายทหารระดับสูงจำนวนมากเข้าไปร่วมขบวนการครั้งนี้เท่าที่ได้ยินมาล้วนเป็นคนใกล้ชิดของอดีตผบ.ทบ.พลเอกอุดมเดชคนใกล้ชิดพลเอกประยุทธ์และพลเอกประวิตรแทบทั้งสิ้นมีการทำกันขบวนการที่ใหญ่โตมากมีทั้งทหารตำรวจและพลเรือนเครือญาติกัน เพื่อการขนย้ายถ่ายเทและฟอกทรัพย์สินให้ไปไว้ตามจุดต่างๆคาดว่าผู้ที่กำลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้รู้ตัวก่อนล่วงหน้าและบางรายได้เดินทางหลบหนีออกนอกประเทศพร้อมทรัพย์สินไปแล้วบางส่วนกำลังหาเตรียมช่องทางหลบหนีทั้งนี้การข่าวยืนยันได้มีพลเอกประยุทธ์และพลเอกประวิตรเปิดไฟเขียวให้พวกได้หนีรอดออกไปตั้งหลักนอกเสียก่อนและเป็นการตัดตอนบุคคลให้ไปเรื่องไปถึงตัวผู้บังคับบัญชาระดับสูง  มีการคาดการณ์ว่าจากการกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายทั้งทางด้านงบประมาณกองทัพบกและความเสียหายจากทางภาคเอกชนที่ได้มีผู้แอบอ้างเบื้องสูงได้กระทำไว้นั้นโดยมีการเชื่อมโยงกับ"คนของหมอหยอง"ทั้งโครงการอุทยานราชภักดิ์,โครงการไบค์ฟอร์มัมไบค์ฟอร์แดดพบว่ามีจำนวนเงินที่หมุนเวียนสะพัดร่วมทั้ง3โครงการมีจำนวนตัวเลขสูงถึงหลายหมื่นล้านบาทนับได้เป็นการใช้สถาบันเบื้องสูงอันเป็นที่เคารพรักของคนไทยในหาผลประโยชน์ส่วนกลุ่มตนครั้งใหญ่ที่สุดก็ว่าได้

รายชื่อที่อาจต้องโดนคดีแอบอ้างด้วยโดยทำกันเป็นทีม

1. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (ผ่านอมินี)
2. พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ (ผ่านนอมินี)
3.พลเอกอุดมเดช สีตะบุตร (ผ่านผู้ใต้บังคับบัญชา)
4.พลเอกปรีชา จันทร์โอชา (ให้ความร่วมมือ)
5.พลเอกอนุพงศ์ เผ่าจินดา (ผ่านบริษัทกันตะนา)
6.พลเอกสุรวัชร บุตรวงศ์ (ผ่านทีมผู้บริหารช่อง 5) และส่วนใหญเป็นนายทหารคนสนิทของพลเอกประยุทธ์พลเอกประวิตรและพลเอกอุดมเดช 
เช่น พลเอกตฤณ กาญจนานันท์ พลเอกอภิชาติ มีสมมนต์ พลเอกสุชาติ ผ่องพุฒิ ประสูตร รัศมีแพทย์ พลเอกพิสิทธ์ สิทธิสาร 
พลเอกยศนันท์ หร่ายเจริญ พลเอกเทพพงศ์ ทิพยจันทร์ พลเอกพอพล มณีรินทร์
กองทัพกำลังแตกแยกหนัก ผบ.ทบ.เก่ากับใหม่ไม่ถูกกัน ผบ.ใหม่เอาข้อมูลการหากินของเจ้าร่วมกับอุดมเดช ประยุทธ ประวิตรให้สื่อเพื่อล้มอุดมเดชครับ
อุดมเดชเป็นคนทำเงินให้ประยุทธ์แต่คิดโค่นธีรชัยผบ.ใหม่ตลอดเวลา
สาเหตุมาจากอุดมเดชผิดสัญญาที่ธีระชัยซึ่งเป็นรุ่นเดียวกันอาวุโสสูงกว่าแต่อายุน้อยกว่ายอมให้อุดมเดชเป็นผบ.ทบ.มีข้อแม้ว่าปีต่อมาต้องให้ธีรชัยเป็นผบ.ทบ.
พอถึงเวลาอุดมเดชเบี้ยวกลับไปเสนอปรีชาน้องประยุทธ์เป็นผบ.ทบ. และระหว่างที่ธีรชัยเป็นรองผบ.ทบ.อุดมเดชก็ไม่มอบงานให้ทำโดยให้คุมด้านส่งกำลังบำรุงแทนไม่ให้เกี่ยวข้องกับด้านยุทธการ
ตอนนี้ผบ.พันแทบทั้งหมดหนุนธีระชัยแต่ไม่เอาประยุทธ์

สรุปว่า ผบ.ใหม่ ใช้กรณีแอบอ้าง/อมเงินมาเล่นงานกลุ่มผบ.เก่า
ขณะที่กลุ่มผบ.เก่าที่เป็นรัฐบาลคสช.ก็จัดการสังหารผู้ต้องหา เพื่อตัดตอนไม่ให้เรื่องสาวมาถึงพวกตน อย่างนั้น ใช่ไหม


Tuesday, November 10, 2015

รอยกรรม หมอหยองและคณะ... แต่พวกเขาสมควรต้องตายเลยหรือ???

ตำรวจเปิดผังขบวนการหมอหยอง 




สั่งทำเข็มงาน 'Bike for Mom-Bike for Dad' ทุจริตเงินส่วนต่างหลายล้านบาท 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้นำแผนผังแสดงข้อมูล และรายละเอียดข้อกล่าวหา 

เกี่ยวกับพฤติการณ์แอบอ้างเบื้องสูง ของผู้ต้องหาคดีอาญามาตรา 112 

ทั้ง 3 คน คือ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์, นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ และ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา 

มาแสดงต่อสื่อมวลชน ก่อนที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินด ผบ.ตร.แถลงข่าวในเวลา 14.00 น.

ข้อมูลจากแผนผังระบุว่า นายสุริยันหรือ "หมอหยอง" กับนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ เลขานุการส่วนตัว 

มีพฤติกรรรกระทำความผิด คือ การยักยอกเงินส่วนต่าง

ของการจัดทำเข็มกลัดในงาน "Bike for Mom ปั่นเพื่อแม่" ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ส.ค.2558) 

และงาน "ปั่นเพื่อพ่อ Bike for Dad" ที่จะจัดในเดือนธันวาคมนี้ มีรายละเอียดดังนี้

17 ก.ค.2558
นายสุริยันสั่งทำเข็มกลัดจำนวน 300,000 ชิ้นจากบริษัท แมคบารา จำกัด

18 มิ.ย.2558
นายสุริยันและนายจิรวงศ์ นัดพบ น.ส.ทิพวรรณ อัศวก้องเกียรติ ผู้จัดการฝ่ายขาย 

บริษัท แมคบารา จำกัด ที่ร้านสเวนเซ่น สาขาเมเจอร์รัชโยธิน 

น.ส.ทิพวรรณ เสนอราคาเข็มกลัดชิ้นละ 3.70 บาท แต่นายสุริยันสั่งให้เพิ่มราคาเป็นชิ้นละ 5.70 บาท 

แล้วให้เอาเงินค่าส่วนต่างที่เกิน โอนคืนให้นายสุริยันและนายจิรวงศ์

22 มิ.ย.2558
น.ส.ทิพวรรณ ส่งใบเสนอราคา มาให้บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) 

โดยแบ่งเสนอราคาเป็น 5 บริษัท รวมราคา 3,049,500 บาท 

จากนั้นบริษัทในเครือ CP จ่ายค่ามัดจำ 50 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 1,482,000 บาท ให้บริษัทแมคบารา

23 มิ.ย.2558
น.ส.ทิพวรรณ ถอนเงินออกจากบัญชีบริษัทฯ จำนวน 1,200,000 บาท

เงินจำนวนนี้ถูกนำเข้าบัญชี ธนาคารกรุงไทย สาขาวัชรพล

ชื่อบัญชี น.ส.สุรีวรรณ ชาญยุทธิ์ จำนวน 1,000,000 บาท 

และนำเข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาโลตัสฟอร์จูน ชื่อบัญชีนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ จำนวน 200,000 บาท

ส่วนการสั่งทำเข็มกลัด Bike for Dad ได้เริ่มสั่งทำเข็มกลัดเมื่อวันที่ 30 กันยายน

จำนวน 2 ล้านชิ้น จากบริษัทเดียวกัน แต่ครั้งนี้เสนอราคาชิ้นละ 2 บาท 75 สตางค์ 

และนำใบเสนอราคาเป็นเงินกว่า 10 ล้านบาท ให้กับบริษัท เมืองไทยประกันภัย และบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต 

และได้โอนเงินมัดจำให้ครึ่งหนึ่งให้กับบริษัท แมคบารา 

จากนั้นนางสาวทิพย์วรรณ ได้ถอนเงินให้กับนายจิรวงศ์ และญาติของนายสุริยัน

และได้นำเงินกว่า 3 ล้านบาท ไปซื้อคอนโด และอีก 8 แสนบาทเข้าบัญชีส่วนตัว

2 ก.ค.2558
นายสุริยันให้นางจีราภา (น้องสาว) ถอนเงินเข้ากองทุนสะสมรายวันธนาคารกรุงไทย ชื่อ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์

23 มิ.ย.-11 ก.ค.2558
นายจิรวงศ์ ทยอยถอนเงิน 200,000 บาทมาใช้จนหมด

นอกจากนี้ ตำรวจได้นำของกลางที่ยึดได้จากห้องพัก ของพันตำรวจตรีปรากรม วารุณประภา

ที่มีทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถจักรยาน และรถของทางราชการที่นำไปใช้ส่วนตัว 

มากกว่า 40 คัน วิทยุสื่อสาร ปืนพร้อมเครื่องกระสุน กีตาร์ไฟฟ้า พระเครื่อง งาช้างแกะสลัก

ซึ่งบางส่วนเป็นของราชการ และเป็นทรัพย์สินของกลาง

ที่ยึดได้ในคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ของพลตำรวจโทพงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง 

และพันตำรวจเอกอัครวุฒิ หลิมรัตน์ อดีตผู้กำกับการ1 กองบังคับการปราบปราม

ที่ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ และพบว่า in พันตำรวจตรีปรากรม มีการยักยอกของกลางในคดีมาเป็นของส่วนตัว


ประยุทธ์-ประวิทย์ บอกว่า เหนื่อย...แล้วประชาชนเขาว่าไง?

เสียงจากประชาชน....

คำพูดของท่านที่บอกว่า
 "ผมเหนื่อยผมท้อ" 

กูจะบอกอะไรให้นะ
ประชาชนเค้าเหนื่อยกว่ามึง
หลายร้อยเท่า 

เพราะเสียงเค้าไม่เคยดัง 
ไปถึงหูกับสมองของมึง

และกูไม่อยากจะเชื่อว่านี่
คือ คำพูดของผู้นำประเทศ

ถ้าเหนื่อยนัก ก็ง่ายๆเลย 
      ลาออกสิครับ 
    รอเฮี่ยอะไรอยู่!!! 
ได้ยินแล้ว เห็นแล้วรำคาญ
       หูว่ะ!!!

Monday, November 9, 2015

60 ความเชื่อโบราณที่คนไทยควรรู้ และวิพากษ์วิจารณ์ด้วยเหตุผล

60 ความเชื่อโบราณที่คนไทยควรรู้ และวิพากษ์วิจารณ์ด้วยเหตุผล


ขอบันทึกไว้เพื่อกลับมาวิเคราะห์และวิพากษ์ภายหลังครับ 

1.) ห้ามใส่ชุดสีดำเยี่ยมคนป่วย เพราะสีดำเป็นสีที่คนโบราณถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความทุกข์โศก การใส่ชุดดำไปเยี่ยมผู้ป่วยนั้นเป็นการแช่งให้ผู้ป่วยตายเร็วขึ้น 
2.) จิ้งจกร้องทัก ห้ามออกจากบ้านเด็ดขาด โดยถ้าเสียงนั้นอยู่ด้านหลังหรือตรงศีรษะให้เลื่อนการเดินทางแต่หากเสียง ร้องทักอยู่ด้านหน้าหรือซ้าย ให้เดินทางได้ จะทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นสะดวกสบาย
3.) ตุ๊กแกร้องตอนกลางวัน เชื่อว่าจะมีเหตุร้ายเพราะตามปกติแล้วตุ๊กแกที่อาศัยในบ้านมักจะร้องตอนกลาง คืน ถ้าร้องตอนกลางวันถือเป็นลางบอกเหตุร้าย เนื่องจากคนโบราณเชื่อว่าตุ๊กแกคือ วิญญาณของปู่ย่าตายายที่ตายไปแล้วมาอาศัยอยู่ คอยคุ้มครองลูกหลานจากภัยอันตราย
4.) นกแสกเกาะหลังคาบ้าน จะเกิดลางร้าย เพราะนกแสกเป็นนกที่ถือว่าให้ความอัปมงคล เนื่องจากโดยธรรมชาตินกแสกมักจะไม่มาปะปนอยู่ตามที่อยู่อาศัยของคน
5.) ถ้านกถ่ายรดบนศรีษะ เชื่อว่าจะโชคร้าย หากกำลังจะออกเดินทางแล้วถูกนกถ่ายรดที่ศรีษะซะก่อน ให้หยุดการเดินทางทันที หรือเลื่อนกำหนดออกไปเป็นวันรุ่งขึ้น
6.) เมื่อตัวเงินตัวทองคลานเข้าบ้าน ให้พูดแต่สิ่งดีๆ ไม่ให้ไล่
7.) กลางคืนถ้าได้ยินเสียงร้องทักห้ามขานรับ เพราะเชื่อว่าเป็นเสียงของดวงวิญญาณอาจจะมาหลอนมาหลอกหรือเป็นการเชิญวิญญาณเข้าบ้าน
8.) คนที่มีไฝที่ริมฝีปากล่าง ให้ระวังปากนำเคราะห์ เพราะพูดไม่คิด และมักเป็นคนใจร้อน อารมณ์รุนแรงขาดเหตุผลในการยับยั้งชั่งใจ
9.) คนใดที่มีลักษณะผมหยิกๆ หน้าสั้นคอสั้น มักจะเจ้าชู้ (แต่เป็นความเชื่อขำๆนะ อันนี้ต้องคิดว่าต้องดูต่อจากภายในหัวใจ)
10.) คนใบหูใหญ่มักร่ำรวยและมีบุญวาสนา คนใบหูหนาเป็นคนมีศีลธรรมคนใบหูบางเป็นคนโดดเดี่ยว ไร้บุญวาสนา





11.) คนที่พูดจาหลายเสียงในการพูดคุยครั้งเดียวกันเป็นคนคบยาก เพราะหาความแน่นอนอะไรไม่ได้
12.) คนหัวล้านมักจะเจ้าชู้และเจ้าเล่ห์ ซึ่งได้ต้นแบบมาจากขุนช้างในวรรณคดี ทำให้คนโบราณเชื่อว่า คนลักษณะแบบนี้จะมีนิสัยเหมือนขุนช้าง
13.) เด็กทารกคนใดที่เกิดมาแล้วมีปาน คนโบราณเชื่อว่า ได้เกิดมาแล้วชาติหนึ่ง (ชาติที่แล้ว) และถูกป้ายด้วยของตำหนิเอาไว้ หากเป็นปานแดงหมายถึงถูกป้ายด้วยปูนแดง และหากเป็นปานดำหมายถึงถูกป้ายด้วยถ่าน
14.) ห้ามปลูกต้นไม้ที่วัดปลูกมาแล้ว (เช่น ไปเอาต้นไม้ที่อยู่ในวัดมาปลูกที่บ้าน) เพราะเชื่อกันว่า ต้นไม้ที่ขึ้นตามวัดหรือนำไปปลูกที่วัดเป็นของสูงและสมควรอยู่ในวัด หากนำมาปลูกที่บ้านจะทำให้บ้านนั้นตกอับ
15.) ห้ามตัดผมวันพุธ เพราะเชื่อว่าการตัดผมวันพุธจะทำให้เกิดอัปมงคลกับชีวิต เพราะอย่างนี้ ร้านตัดผมหลายร้านมักจะนิยมหยุดทำการในวันพุธ
16.) หากตาซ้ายกระตุก เชื่อว่ามีเคราะห์ โชคร้ายผิดหวัง ถ้าตาขวากระตุกถือว่าโชคดี แต่ถ้าเป็นในช่วงกลางคืน ตาขวากระตุกจะไม่ดี จะมีเคราะห์มีเหตุร้ายเกิดขึ้น แต่ถ้าหากเป็นตาซ้ายกระตุกจะมีโชคลาภจากเพื่อน
17.) หากสัตว์ป่าเข้าบ้านเชื่อว่าจะนำความอัปมงคลมาให้ ควรจุดธูปเทียน ดอกไม้และเชิญให้ออกจากบ้าน พร้อมกับขอพรให้นำพาสิ่งดีงามมาให้
18.) ห้ามเผาศพวันศุกร์ เพราะคนโบราณถือว่าการเผาศพในวันศุกร์จะให้ทุกข์กับคนเป็นญาติ เนื่องจากวันศุกร์เป็นวันแห่งโชคลาภ เหมาะกับงานมงคลมากกว่า
19.) ในขณะที่กำลังสางผม หากหวีเกิดหักคาผม จะเกิดเรื่องไม่ดีตามมา ให้นำหวีนั้นทิ้งไปเลย (ซื้อมาเป็นพันเป็นหมื่นก็อย่าเสียดาย) ไม่ให้เก็บไว้ใช้หรือนำไปซ่อมมาใช้ใหม่
20.) ตอนกลางคืนถ้าได้กลิ่นธูปลอยมา คนโบราณเชื่อกันว่า เป็นวิญญาณของญาติสนิทภายในครอบครัวมาหา
21.) ผึ้งทำรังในบ้าน เชื่อว่ามีโชค อย่าไปไล่หรือทำลายเด็ดขาดเพราะอาจจะทำให้เกิดความหายนะ เพราะผึ้งเป็นแมลงนำโชคที่ขยันการทำงาน
22.) การปลูกต้นว่านชี้ชะตาได้ โดยถ้าต้นว่านเจริญงอกงาม ทำนายว่าการค้าจะงอกงาม แต่ถ้าต้นว่านแห้งเ่ยว ทำนายว่าการค้าจะไปไม่รอด
23.) ก่อนออกจากบ้านให้ตั้งสติและก้าวเท้าขวาออกก่อนเท้าซ้าย จะนำโชคดีมาให้ เพราะเชื่อว่าร่างกายมนุษย์เป็นพลังงานลบที่อ่อนแอกว่าด้านขวา
24.) หากนั่งล้อมวงกินข้าวกันอยู่ และเกิดมือชนกันขณะเอื้อมไปตักกับข้าว เชื่อกันว่าจะมีแขกมาเยือนให้เตรียมตัวต้อนรับ
25.) อย่าเคาะจานข้าว เพราะเชื่อว่าจะเป็นการเรียกวิญญาณที่พเนจร เมื่อได้ยินเสียงเราเคาะจาน ก็จะพากันมาแย่งเรากินข้าว (บางคนกินข้าวจะรู้สึกว่ากินไม่อิ่ม)
26.) กลางคืนห้ามกวาดบ้าน เพราะเชื่อว่าจะเป็นการกวาดเงินกวาดทองที่สะสมมาตั้งแต่ตอนเช้าออกไปหมดซึ่ง อาจเป็นได้ว่าเมื่อก่อนไม่มีไฟฟ้าตอนกลางคืนมืดมาก การกวาดบ้านตอนกลางคืนจึงไม่ปลอดภัย
27.) ไม่ควรมีรูปภาพหรือรูปปั้นยักษ์ประดับตกแต่งบ้าน เพราะจะทำให้คนในบ้านทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยและทำให้มีแต่เรื่องเดือดร้อน
28.) อย่าตั้งเตียงนอนโดยเอาหัวเตียงหันไปชนกับห้องน้ำ เพราะจะทำให้โชคลาภหนีหาย และอย่าตั้งเตียงนอนโดยหันปลายเตียงตรงกับประตูทางเข้าพอดี เพราะจะทำให้ฝันร้าย
29.) การแบ่งอาหารและน้ำให้แก่สุนัขหรือแมวจรจัดที่หิวโหย หรือการให้ที่พักพิงแก่สัตว์เหล่านี้ในวันฝนตกเป็นอานิสงส์มหาศาล
30.) อย่าปล่อยให้ครัวสกปรก เพราะจะทำให้อับโชค ขาดเงิน ขาดทอง
31.) อย่าให้ของขวัญคนรักหรือเพื่อนสนิทเป็นผ้าเช็ดหน้า เพราะถือว่าเป็นลางไม่ดี หากมอบให้แล้วจะถือว่าเป็นลางต้องจากกันหรือมีเรื่องทะเลาะกัน
32.) ถ้าปล่อยให้กระจกในบ้านขุ่นมัว จะทำให้ดวงชะตาของคนในบ้านจะหม่นหมองทำอะไรก็ไม่ขึ้น จึงต้องหมั่นเช็ดกระจกสม่ำเสมอ
33.) วันโกน วันพระวันเกิด และวันเข้าพรรษา ควรงดมีเพศสัมพันธ์ เพราะถือว่าเป็นวันบิรสุทธิ์ (คนที่อยู่ในวัยเรียนอย่าแม้แต่จะคิด)
34.) หากเดินไปเจอเหรียญตกให้เก็บเป็นเหรียญนำโชค หากมองผ่านเลยไป จะเหมือนเป็นการดูถูกเงินน้อย ทำให้อับโชคในช่วงเวลานั้นๆ (เก็บให้ตำรวจก็ดีนะเออ)
35.) การสวมแหวนนิ้วกลางข้างขวา ถือเป็นการเสริมดวงการเงินและบารมี ส่วนการสวมแหวนนิ้วนางหรือนิ้วก้อยถือเป็นการเสริมเสน่ห์และเสริมดวงความรัก
36.) ห้ามสาวโสดร้องเพลงในครัว เพราะจะทำให้มีแฟนเป็นคนแก่ หรือหาแฟนไม่ได้ แต่ถ้าตำครกเสียงดัง จะมีหนุ่มมาสู่ขอ
37.) การทำบุณโลงศพอนาถาที่ไร้ญาติ จะเสริมชะตาของเราให้กล้าแข็ง ทำให้ทุกข์และเคราะห์เบาบางลงไปได้
38.) ควรหมั่นดูแลหิ้งพระให้สะอาดสม่ำเสมอ ไม่อย่างนั้นจะถือว่าเป็นการทำให้เกิดความอับโชคหรือเสื่อมลาภ เสื่อมยศได้
39.) ในบ้านควรมีไข่และส้มในตะกร้าเสมอ เพื่อเรียกความสมบูรณ์พูนสุขเข้าบ้าน
40.) ห้ามหญิงมีครรภ์ไปงานศพ เพราะเกรงว่าวิญญาณจะสามารถเข้าไปรบกวนทารกในครรภ์ ทำให้เกิดอันตรายได้
41.) ห้ามนอนหันหัวไปทางทิศตะวันตกจะทำให้นอนฝันร้าย ตื่นขึ้นมาไม่สดชื่น
42.) ถ้าสร้อยคอขาดออกจากคอหรือหลุดออกมา จะมีเหตุให้พบเรื่องร้าย
43.) ห้ามทักเด็กแรกเกิดที่ยังเล็กว่าน่ารัก เพราะอาจทำให้วิญญาณอิจฉา ลักพาตัวไป
44.) ห้ามตัดเล็บกลางคืน วิญญาณบรรพบุรุษจะอยู่ไม่เป็นสุข เพราะสมัยก่อนการตัดเล็บจะใช้มีดเจียนหมาก หรือมีดเล็กๆ จึงห้ามตัดเล็บในเวลากลางคืน เพราะอาจะเป็นอันตราย
45.) จะก้าวขึ้นหรือลงบันได ให้ก้าวทีละก้าวทีละขั้น อย่าก้าวทีเดียวสามชั้น จะทำให้ทำมาหากินไม่สำเร็จ เหมือนไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ให้ค่อนเป็นค่อยไป อย่าทำอะไรที่ให้เกินความสามารถ หรือข้ามขั้นตอน
46.) ห้ามหญิงท้องไปดูคนคลอดลูกจะทำให้คลอดลูกยาก เพราะหากหญิงมีครรภ์ไปดูคนอื่นคลอดลูกแล้วเห็นภาพอาการเจ็บปวดของการคลอดอาจ จะทำให้กลัวและเกิดอาการเสียขวัญ
47.) โต๊ะเครื่องแป้งที่มีกระจกเงา หรือบางกระจกเงาทั้งหลาย ไม่ควรนำมาวางตั้งให้ตรงกับปลายเตียงหัวเยงหรือเหนือเพดาน เพราะจะทำให้หมกหมุ่นอยู่กับเรื่องเพศ นอนหลับไม่สนิท และมักฝันร้ายอยู่บ่อยๆ
48.) ฝนตั้งเค้า ให้ปักตะไคร้คว่ำลงดินกลางที่โล่งแจ้ง จะทำให้ฝนหยุดตก
49.)อย่าลูบศรีษะของเด็ก โดยเฉพาะเด็กไทย เพราะศีรษะถือเป็นส่วนศักดิ์สิทธิ์ไม่ควรให้ใครลูบเล่น
50.) ฝันว่างูรัด ทำนายว่าคนโสดจะได้พบเนื้อคู่เร็วๆนี้ฝันว่างูกัดทำนายว่าศัตรูเพศตรงข้ามจะคิดร้ายหรือได้รับเคราะห์จะเพื่อนบ้าน
51.) ฝันเห็นคนตายหรือศพ ทำนายว่าจะได้ลาภจากเสี่ยงโชค
52.) ฝันว่าฟันหักทำนายว่าจะสูญเสีย โดยถ้าฝันว่าฟันบนหัก ทำนายว่า จะเสียญาติผู้ใหญ่ข้างฝ่ายบิดา ถ้าฟันล่างหัก ทำนายว่าจะเสียญาติผู้ใหญ่ข้างมารดา
53.) ฝันว่าจูบกับคนรัก จะได้รับเคราะห์เล็กๆน้อยๆจากคนใกล้ตัว
54.) ห้ามฉลองก่อนวันเกิด เพราะอาจหมายถึงการรีบเร่งไปสู่ความตาย
55.) ภายในบ้านไม่ควรมีประตู 3 บาน ตรงกันหรือเหลื่อมล้ำตรงกันเพียงนิดเดียว เพราะเป็นสัญลักษณ์ของประตูจาก 3 โลก ทำให้วิญญาณเดินผ่านมาได้
56.)คางคกขึ้นบ้านถือเป็นลางดี แสดงว่าบ้านนั้นกำลังจะมีโชค
57.) มือซ้ายกระตุก เชื่อว่ามีลางร้ายมีเหตุจะต้องเสียเงินเสียทองมือขวากระตุกเชื่อว่าเป็นลาง ที่ดีมาก จะได้รับโชคลาภ และอาจได้ลาภลอยจาการเสี่ยงโชค
58.) ถ้านกในกรงที่เลี้ยงไว้ร้องในเวลากลางคืนเชื่อว่าจะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง
59.) ผู้หญิงระหว่างมีประจำเดือน ไม่ควรก้าวล้ำไปในวัด เพราะอาจก่อให้เกิดความอัปมงคล
60.) ความฝันในตอนเช้ามักเป็นความจริง เพราะคนโบราณเชื่อว่าเทวดามาโปรดสัตว์ซึ่งเคยเป็นญาติมิตรของเรานั่นเอง

ทหารไทย (ระดับนำ) วันนี้... โหด เลว และ โกหก ตอแหล ไม่แพ้ใครในโลก

หยุดดัดจริตประเทศไทย

มีข่าวลือว่าหมอหยองโดนจับ พวกคสช.แถลงว่าไม่โดน
สุดท้ายก็โดนจับจริงตามข่าวลือ

ประวุฒิกับอคชาติมีข่าวหนีพร้อมลาออก กองทัพยืนยันว่าไม่จริง
สุดท้ายลาออกจริงก็หนีไปต่างประเทศพร้อมโดน 112
บอกสารวัตรเอี๊ยดไม่ได้ตายตามข่าวลือ สุดท้ายก็ตายจริงคาคุกทหาร ด้วยการผูกคอให้ห้องผนังปูนปิดตาย 4 ด้าน

พลตรี พิสิฐศักดิ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ที่มีข้อมูลว่าตายก่อนหมอหยองโดนจับ สุดท้ายก็บอกแค่ว่าผิดร้ายแรง ถอดยศเครื่องราช และไม่น่ามีชีวิตรอด
กลายเป็นว่าข่าวลือคือความจริงที่ไม่ถึงเวลา
และคำแถลงของ พวก คสช. คือคำโป้ปดมดเท็จต่อประชาขน

การตายของสารวัตรเอี๊ยดและหมอหยองรวมถึงพลตรี พิสิฐศักดิ์นั้นเต็มไปด้วยปริศนามากมาย

มันน่าแปลกใจจริงๆ ... ตายในค่ายทหาร เรือนจำลึกลับ ห่างไกลสายตาสังคม ตั้งอยู่ในค่ายทหาร เรียกว่าคุกทหารก็ว่าได้
คนคุมเป็นทหาร คนพบศพหยองและเอี๊ยดก็คือทหาร
คนบอกว่าหยองตายก็เป็นทหาร

ที่น่าสนใจกว่าคือ คนถูกหยองซัดทอดก็เป็นทหาร ..คนที่จะซวยเพราะหมอหยองกำลังซัดทอดก็ดันเป็นทหาร ..

ตรวจสอบอะไรไม่ได้เลย เพราะทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับหยองและเอี๊ยดทั้งหมดเป็นทหาร...บังเอิญจริงๆ

@หยุดดัดจริตประเทศไทย https://www.facebook.com/stopfakethailand/photos/a.414343421995746.1073741828.413982712031817/898723153557768/?type=3&theater

Cherry Caviara's photo.

กรรมตามสนอง นายทหารชั่วที่เคยสังหารพี่น้องเสื้อแดง ???

แจ้งข่าว: ด่วน พล.ต. สุชาติ พรมใหม่ หรือ ไอ้โต ผบ.ร11 รอ เอี่ยวแก็ง หยอง กปปส หลังพยายามหนี แต่ถูกจับได้ เมื่อวาน ซืน วันนี้ ได้ตัดสินใจ ไม่หายใจแล้ว ตามหยอง กปปส. ไปติดๆ ..........(กรรมที่ไอ้โต ฆ่าพี่น้องเสื้อแดง ปี 53 ตามมันทันแล้ว ) ไม่ต้องรอถึงชาติ ก็ขอให้ ทหารเหี้ย คสช. ทุกนรก ในเร็ว ทุกตัวตน ....ธรณีนี่นี้ ................. เป็นพยาน เราก็ศิษย์อาจารย์ ....... หนึ่งบ้าง เราผิดท่านประหาร ...... เราชอบ เราบ่ผิดท่านมล้าง ....... ดาบนี้คืนสนอง ฯ



Sunday, November 8, 2015

ข่าวรั่ว...กรณีหมอหยองตายนะผมรู้มานานแล้ว

ข่าวรั่ว..จากวงในฝุด ๆ (ฮิ ๆ)


.กรณีหมอหยองตายนะผมรู้มานานแล้วตั้งแต่แรกหลังถูกจับยัดเข้าคุกทหารได้วันสองวันแล้วแหล่งข่าวระดับสูงบอกผมว่าหมอหยองตายแล้วมาเกือบสองสัปดาห์ครับ. ผมคิดว่าจริงและเคยทายไว้ว่า
1. หมอหยองจะกลายเป็นคนสวปสูญไม่มีข่าวไม่มีศพนะ
2. ถ้ามีศพต้องทิ้งระยะนานออกไปหน่อยทำเป็นป่วยหนักแล้วสักพักค่อยบอกว่าตาย. ถามว่าตั้งแต่จับยัดคุกทหารเคยมีใครเห็นตัวมีภาพถ่ายมันบ้างละ. ไม่มีเลย
วันนี้มันออกข้อสองมาครับ 

ผมจึงไม่แปลกใจเลย. และคาดว่างานนี้ยังสาวกันใหญ่ไม่จบง่ายๆทั้งทั้งท่ีต้องการให้จบเหยียบปากห้าวลงข่าวๆมันจะลงใต้ดินครับทีนี้จะซุบซิบกันต่อมันไปเลย.  ที่เดาถูกเพราะพวกนี้มีคุณสมบัติสองข้อใหญ่ท่ีทำให้เรามองมันทะลุครับ
1โง่เพราะหลักสูตรท่ีเรียนมามันต้องการให้โง่
2 กร่างคิดว่ามันเป็นเทวดาจะทำอะไรก็ไม่ผิด. ตอแหล. สอพลอเป็นสันดารทั้งก๊กโคตรตระกูลมันเลย

โอคุณพระช่วย!!! รมว.ยธ.แถลงยอมรับ “หมอหยอง” ติดเชื้อในกระแสเลือด ตายที่รพ.ราชทัณฑ์ ตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย. เวลา 22.00 น.

รมว.ยธ.แถลงยอมรับ "หมอหยอง" ติดเชื้อในกระแสเลือด
ตายที่รพ.ราชทัณฑ์ ตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย. เวลา 22.00 น. 



ว่าเขาอิเหนาเลวเอง...ทหารที่หลบหนีคดี ตอนนี้ ล้วนเป็นคนของ คสช.​ทั้งสิ้น!!!





บรรดาทหารที่หนีออกนอกประเทศ เวลานี้ ล้วนเป็นคนของคสช.ทั้งสิ้น มีทั้งอยู่ในคณะ ของเลขา คสช. และ รมช.กลาโหม
  ก็ต้องถามกันว่าที่มานั่งไล่ล่า ฝ่ายตรงข้ามโดยพยายามยัดเยียด มาตรา112   จะตามล่าเอาตัวกลับมาถึงกับส่ฃงมทีมงานประสานประเทศเพื่อนบ้าน แต่ตรงกันข้ามพวกของตัวเองที่มีเค้าว่าจะโดนมาตรา112 เหมือนกัน
กลับส่งสัญญาณให้หนี แถมให้เงินเพื่อการดำรงชีวิต 
  จึงอยากจะถามคสช.ดังต่อไปนี้
 1. มาตราฐานความเป็นธรรม อยู่ที่ใหน? นี่หรือคือจริยธรรมของผู้ปกครอง?
 2.จงใจปิดบังความชั่วของพวกตัวเองในการทุจริตคอรัปชั่น  แต่พยายามใส่ร้ายป้ายสี ผู้ที่อยู่ตรงข้าม 
เสมือนตนบริสุทธิหนักหนาทั้งๆที่จริงแล้วโกงกินอย่างตะกละตะกลาม
 3. เกรงว่าความผิดจะมาถึงพวกตน จึงรีบทำการตัดตอน
โดยลืมนึกในมุมกลับว่าหากผู้คนรับรู้ความจริง ความเสียหายจะยิ่งหนักกว่าการปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
 4.ปัจจุบันมีการเร่งหว่านเม็ดเงิน ลงไปที่หมู่บ้านยิ่งกว่าสมัยรัฐบาลก่อน ก็คงไม่ได้มีผู้คนคัดค้านอะไร ทั้งๆที่รู้เจตนาในการเร่งสร้างฐานอำนาจ แต่สิ่งที่ผู้คนจะรับไม่ได้ กับความล้มเหลวของเศษฐกิจที่ตัวเองไม่มีขีดความสามารถในการ ฟื้นฟู  และที่หนักไปกว่านั้น คือการหาเงินเข้ากระเป๋าจากโครงการ
   การโกงกินที่ทำกันอย่างไม่อายฟ้าดิน พอใกล้ถึงเวลาจวนตัว ก็จะปรากฎภาพให้เห็น ดังเช่นที่เรากำลังเห็นกันอยู่
  วันนี้กองทัพไทยอ่อนแอจนไม่สามารถจะไปสู้รบปรบมือกับใครเขาได้ ทำได้แค่อย่างเดียวคือ ใช้อาวุธกดขี่ข่มเหงพี่น้องคนไทยด้วยกัน
   ขอตบมือให้เลยน๊ะครับ

กองกำลังนานาชาติ ของสหประชาชาติ มีอำนาจเข้าไทย เพื่อหยุดยั้งการฆ่าประชาชน จริงหรือ?

มีการกล่าวกันว่า เมื่อมีกองกำลังต่างชาติ โดยองค์การสหประชาชาติ ยกเข้ามาจัดการ ในการแก้ปัญหาของ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ที่ประเทศไทย แก้ไขไม่ได้



๑. โดยกล่าวหาว่า"นานาชาติ เข้ามาเสือก ในกิจการภายในของประเทศไทยนั้้น " ตรงนี้ผมต้องขออธิบายสักนิด

๒. แต่เดิมนั้น "รัฐทุกรัฐ สามารถอ้างเหตุ เรื่องการแทรกแซงกิจการภายใน ของตนได้ เป็นไปตาม Classic International Law ในเรื่อง อำนาจอธิปัตย์ แห่งรัฐ หรือ State's Sovereignty" จึงเกิดการฆ่ากันแหลกราน


๓. ก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง (เดือนกันยายน ปีค.ศ.1938 อังกฤษ และ ฝรั่งเศส ประกาศสงครามกับ ประเทศเยอรมันนี ในกรณีของดานซิกซ์ ในโปแลนด์) จนนำไปสู่การละเมิดกฏเกณฑ์สนธิสัญญา กรุงเฮก ปีค.ศ. 1899 - 1907, สนธิสัญญากรุงเจนีวา ปีค.ศ.1925 จนนำไปสู่การฆ่า และ ทรมานเชลยศึก ไปจนถึงการฆ่าฟันพลเรือน (ชาวยิว, โปแลนด์ ยิปซี พวกสล๊าฟ ตายนับล้านๆ)


๔. ซึ่งเราเรียกการทรมานและการฆ่าว่า "เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ในเอเชีย ก็เมื่อกองทัพลูกพระอาทิตย์ ฆ่าชาวจีน ฟิลิปปินส์ ตายรวมแล้ว หลายล้านคน


๕. ในโซเวียตรุสเซีย เมือสตาลินใช้นโบบาย กำจัดศัตรูคู่แข่ง ที่เห็นตรงข้ามตน คนต้องล้มตายไม่ต่ำกว่า สองถึงสามล้านคน

๖. ด้วยเหตุนี้ หลังสงครามโลกครั้งที่สอง บรรดานายพลนาซี เยอรมัน และญี่ปุ่น จึงต้องถูกประหารชีวิต เพราะ กระทำการขัดต่อ ข้อห้ามของ โลก ในการใช้กำลังและ อาวุธ รวมทั้ง ทหารเพื่อเข่นฆ่าผู้คน ตาม the London Charter, 1938 (สนธิสัญญานี้ยังไม่ถูกยกเลิก แต่พักการใช้)


๗. ในเวลาต่อมาเกิด เป็นสนธิสัญญาป้องกัน และ ลงโทษ ต่อผู้กระทำความผิดอาญาในฐาน การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ปีค.ศ.1951 และ มีสนธิสัญญาว่าด้ว การการทรมาน ปีค.ศ.1984 และสนธิสัญญาที่เกี่ยวกับ การขจัดการ การเหยียดเผ่าพันธุ์ทุกรูปแบบ รวมทั้งสนธิสัญญาว่าด้วย เรื่องการขจัดการกระทำ ที่เป็น Apartheid

๘. แม้กระนั้น ก็เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ขึ้นในหลายๆแห่ง บนพื้นพิภพนี้ เช่นในเอธิโอเปีย อิรัค ลิเบีย ไฮติ บอสเนีย เฮอร์เซ โกวีน่า ราวันด้า และ ซูดาน จนคณะมนตรีความมั่นคงของ องค์การสหประชาชาติ ต้องจัดตั้งศาลอาญาพิเศษ ขององค์การสหประชาชาติในปีค.ศ.1994 - 1995


๙. ตามข้อบัญญัติที่ 827(1993), ที่ 627 (1994) และ ในเวลาต่อมาเกิดสนธิสัญญากรุงโรม หรือ Rome Statue,1998 เพื่อลงโทษแก่ ความผิดอาญา ฐานการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และ ความผิดในฐาน เป็นปฏิปักษ์ต่อมนุษยชาติขึ้น ในศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ the International Criminal Court หรือ ศาล ICC ตามคำร้องขอของชาติสมาชิก โดยให้องค์การสหประชาชาติ เป็นสปอนเซอร์ ในการจัดตั้งศาลอาญาถาวรขึ้น

๑๐. ในที่สุดเมือปีค.ศ.1991 องค์การสหประชาชาติ เริ่มก่อตั้งคณะกรรมการป้องกันการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ขึ้น ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางกฏหมาย เป็นส่วนใหญ่ และ ประกาศนโยบายนี้สำเร็จ เป็นผล ในปีค.ศ.2004

๑๑. ซึ่งเนื้อใจใจความก็ "เพื่อก่อให้เกิด การใช้อำนาจของ การร่วมกลุ่ม เพื่อขจัดกวาดล้างแก่ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ที่เกิดขึ้น ในรัฐเจ้าของพลเมือง และ รัฐนั้นๆ ไม่ทำหน้าที่ปกป้องพลเมืองของ ตนเอง จากการฆ่าเช่นว่านั้น


๑๒. จึงให้สิทธิแก่ รัฐข้างเคียง และ รัฐอื่นๆ รวมตัวกัน เข้าปกป้องพลเมือง ของรัฐ ที่เป็นเจ้าของพลเมือง โดยการยกกองกำลังทหาร เข้าไปสอดแทรก การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ที่เกิดขึ้นอยู่ ในขณะนั้นได้"

๑๓. นี่จึงเป็นการสิ้นสุดของ หลักอำนาจอธิปัตย์สูงสุด และ เด็ดขาด ของรัฐ ตาม Classic International Law และหลักการบางส่วนของ Peaceful Co - Existence ที่นำเสนอโดยปูโทรส ปูโทรส กาลี อดีตเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ในปีค.ศ.2000


๑๔. ด้วยเหตุดังได้กล่าวมานี้ ในวันนี้ การใช้กองกำลัง เข้าไปขจัด กวาดล้าง การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ที่เกิดในรัฐใดๆ จึงกระทำได้ และ ไม่ถือว่า "เป็น การแทรกแซงต่อ กิจการภายใน ของรัฐ ผู้ก่อเกิด การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เช่นว่านั้นๆ ในเมื่อรัฐนั้นๆ มีอำนาจ ที่จะป้องกัน กลับ ไม่ให้การป้องกัน แก่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ต่อพลเมืองของ ตนเอง เช่นที่ว่ามานี้


เอวัง ก็มีด้วยประการ ฉะนี้.