การนิ่งเฉย ดูการทำลายพระศาสนา หรือเราจะอยู่ดูกันอย่างนี้ต่อไป ?!?
-
ไอ้มารศาสนา ธรรมนูญ อัตโชติ สมคบ DSI มุ่งทำลายพระศาสนาอย่างนี้ไม่เรียกว่าไอ้เหี้ย แล้วจะเรียกอะไร ...จริงๆแล้ว ข่าวฟ้องธรรมกาย ในคดีความต่างๆ ใกล้ถึงจุดแตกหัก อีกทั้ง สหกรณ์ฯ เองก็ออกตัว ไม่เกี่ยวข้องกับการฟ้องพระธัมมชโย ในครั้งนี้.......... แล้วทำไมระบบความ อยุติธรรม ที่กระทำต่อพระ และองค์กรพุทธ ในสังคมไทยถึงไม่หยุด ทำไมพวกมารศาสนาเหล่านั้นยังคง จ้องทำลาย แม้กระทั้ง พระ ที่ไม่มีความผิด หรือต้องรอ การหยุด ด้วยพลังศรัทธาของประชาชนที่มีต่อ พระพุทธศาสนา ..... นั้นคือคำถามถึงชาวพุทธทั้งหลาย หรือเราจะรอการล่มของพระพุทธศาสนา ที่ถูกกระทำด้วยคนใจบาป อย่าง ทรราช คสช. - DSI และคณะ
-
ฉนั้น 16 พ.ค.2559 นี้ ........ประชาชนอย่างเราๆ ท่านๆ คงถึงเวลาต้องร่วมกันแสดงพลังเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา พบกันที่ วัดธรรมกาย
-
การปกป้องพระศาสนาเป็นหน้าที่ของชาวพุทธ ทุกคน
-
เสรีชน
-------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2559 นายประกิต พิลังกาสา รองประธานกรรมการดำเนินการคนที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการดำเนินการ/ประธานผู้บริหารแผนฟื้นฟูสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น จำกัด กล่าวถึงกรณีที่นายธรรมนูญ อัตโชติ สมาชิกประเภทสมทบของสหกรณ์ ได้ยื่นข้อกล่าวหาต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ดำเนินคดีกับพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย ในข้อหาสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร ต่อกรณีดังกล่าว เพื่อให้สมาชิกสหกรณ์ฯ กองทุนฯ และสังคม ตลอดจนสื่อมวลชนต่างๆ ได้ทราบข้อเท็จจริงว่ามีความเกี่ยวข้องผูกพันกับสหกรณ์ฯ อย่างไรหรือไม่นั้น สหกรณ์ฯ ขอเรียนชี้แจงให้ทราบดังนี้
-
1) การดำเนินการของนายธรรมนูญและพวกตามที่ปรากฏในสื่อสังคมนั้นเป็นเรื่องเฉพาะปัจเจกบุคคลหรือคณะที่ดำเนินการตามความคิดเห็น ความเชื่อส่วนตัว และเป็นอิสระ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องหรือกระทำในนามของสหกรณ์ฯ และสมาชิกคนอื่นแต่ประการใด จึงไม่มีผลผูกพันต่อสหกรณ์ฯ ทั้งนี้ คณะกรรมการของสหกรณ์ฯ ผู้เป็นตัวแทนสหกรณ์ฯ ตามนิตินัยไม่มีความเห็นและมติที่จะดำเนินการดังกล่าวด้วย
-
2) การกระทำดังกล่าวของนายธรรมนูญและพวก อาจสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ไม่ตรงตามข้อเท็จจริงต่อผู้รับรู้ข้อมูลข่าวสารโดยทั่วไปว่า สหกรณ์ฯ รู้เห็นในการฟ้องร้องดังกล่าวด้วย ซึ่งไม่เกิดผลดีต่อสหกรณ์ฯ และสมาชิกของสหกรณ์ฯ โดยรวม
-
คณะกรรมการของสหกรณ์ฯ มีจุดยืนและนโยบายที่ชัดเจนในการฟ้องร้องติดตามให้ตัวการผู้กระทำผิดคือนายศุภชัยและพวกคืนเงินให้กับสหกรณ์ฯ โดยวิธีการทางแพ่ง ส่วนการดำเนินการเอาผิดทางอาญาแจ้งข้อกล่าวหาฟอกเงินหรือรับของโจรนั้นจำเป็นต้องมีหลักฐานพยานที่ชัดเจนและซับซ้อนเกินกว่าความสามารถของสหกรณ์ฯ จะดำเนินการได้เอง และเล็งเห็นว่าดีเอสไอซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมีหน้าที่โดยตรงในการสืบสวนสอบสวนได้ดำเนินการอยู่แล้วตามกระบวนการยุติธรรมและจะเป็นการเหมาะสมกว่า
-
3) ในส่วนความเสียหายที่เกิดแก่พระเทพญาณมหามุนีจากการถูกกล่าวหาโดยนายธรรมนูญนั้น สหกรณ์ฯ ตระหนักดีถึงความสะเทือนใจ เสียใจ ของผู้ถูกกล่าวหาและคณะศิษย์ พร้อมเห็นว่าผู้เสียหายย่อมเรียกร้องความเป็นธรรมและชดใช้ความเสียหายได้ทั้งในทางแพ่งและอาญา
-
สหกรณ์ฯ สามารถให้ความกระจ่างในสังคมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสหกรณ์ฯ และสมาชิกของสหกรณ์ฯ เพื่อความเข้าใจอันดีและถูกต้อง รวมทั้งประโยชน์ที่ทางกองทุนฯ พระเทพญาณมหามุนีได้มอบให้แก่สมาชิกสหกรณ์ฯ ซึ่งสะท้อนถึงเจตนาและภาพลักษณ์ที่ดีให้สังคมได้รับทราบ
-
4) สหกรณ์ฯ ขอเรียนให้สมาชิกสหกรณ์ฯ ทุกท่านและสังคมทุกภาคส่วนทราบถึงสถานภาพความจำเป็นขณะนี้ว่า การฟื้นฟูกิจการของสหกรณ์ฯ ให้ดำรงอยู่ได้ ต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะในเรื่องการระดมเงินจำนวนมากมาพยุงฐานะการเงินและการทำธุรกิจหารายได้มาชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ทั้งหลาย เช่น เงินที่ภาครัฐจะพิจารณาหาแหล่งเงินทุนให้ หรือเงินจากการติดตามสินทรัพย์ในคดีต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ยังอยู่ในกระบวนการขั้นตอนดำเนินการอีกระยะหนึ่ง
-
ขณะที่สหกรณ์ฯ คลองจั่นมีภาระที่จะต้องชำระหนี้คืนแก่เจ้าหนี้ในกลางปีและสิ้นปีนี้ให้ได้ตามที่แผนฟื้นฟูกำหนดไว้ โดยเงินจำนวนดังกล่าวมาจากการได้รับเยียวยาจากกองทุนเงินเฉพาะกิจลูกศิษย์วัดพระธรรมกายเป็นส่วนใหญ่ สหกรณ์ฯ จึงขอขอบคุณในความเมตตาที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายได้ให้การสนับสนุนบรรเทาความเดือดร้อนของสมาชิกสหกรณ์ฯ ไว้ในโอกาสนี้
-
"อย่างไรก็ตาม สหกรณ์ฯ ขอยืนยันว่า การดำเนินการใดๆ ก็ตาม จะเป็นไปเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ในการติดตามเงินที่สหกรณ์ฯ สูญเสียไปกลับคืนมาให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ในการฟื้นฟูกิจการเป็นสำคัญ มิได้เอนเอียงไปเพื่อผลประโยชน์แก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือบุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้อง การติดตามเงินเป็นเป้าหมายเดียวของคณะกรรมการฟื้นฟูฯ ส่วนเรื่องคดีความต่างๆ ให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่" นายประกิตกล่าว
No comments:
Post a Comment