ผมต้องยอมรับว่าผมดู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผิด หรือประเมินความสามารถของท่านต่ำไป
เมื่อตอนที่ท่านประกาศกฎอัยการศึกนั้น ผมเพียงแต่รู้สึกยินดี เพราะการประกาศกฎอัยการศึก เป็นการระงับศึกที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างมวลมหาประชาชนที่มีคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.เป็นผู้นำ กับ นปช.ที่ใครก็ไม่รู้เป็นผู้นำ
ท่านผู้อ่านคงจำได้ว่า คุณสุเทพประกาศเรียกชุมนุมใหญ่ทั่วประเทศเพื่อเป็นการเผด็จศึกครั้ง สุดท้ายในวันที่ 27 พฤษภาคม 2557 แม้จะไม่ปรากฏชัดว่าการ "เผด็จศึก" จะทำในรูปใดอย่างไร แต่ใคร ๆ ก็คงเดาออกว่า กปปส.กำลังจะใช้พลังมวลมหาประชาชนอันไพศาล กดดันบังคับให้รัฐบาลรักษาการ ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ ออกจากตำแหน่ง ในขณะเดียวกัน ฝ่าย นปช. ก็ขู่ฟ่อ ๆ ว่าจะป้องกันรักษารัฐบาลรักษาการเอาไว้อย่างสุดชีวิต ด้วยการใช้กำลังอาสาสมัครที่ผ่านการ ฝึกอบรมเชิงรบมาแล้วในหลายจังหวัดในภาคอีสานเป็นกำลังตอบโต้
การประกาศกฎอัยการศึกทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องยุติการเคลื่อนไหวลงทันที เพราะจะเป็นการฝ่าฝืนกฎอัยการศึก และทำให้โอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องเสียเลือดเนื้อเพราะการปะทะต่อสู้กันหมดไปด้วย แต่เพียงเท่านั้นก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกว่า พล.อ.ประยุทธ์มีความชาญฉลาดเป็นพิเศษแต่อย่างใด เพราะเพียงแต่ใช้สามัญสำนึกก็ย่อมแลเห็นว่า หากปล่อยให้ กปปส.และ นปช.ปะทะกัน ความเสียหายที่จะเกิดแก่บ้านเมืองจะร้ายแรงปานใด
การประกาศยึดอำนาจการปกครองหรือทำรัฐประหารของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นสิ่งที่ผมมิได้คาดหมายและไม่ชื่นชม ผมเคยเห็นรัฐประหารมาแล้วหลายครั้ง บางครั้งต้องเข้าไปเกี่ยวข้องและสนับสนุน เพราะผมเป็นข้าราชการตำรวจ เมื่อผู้บังคับบัญชาร่วมทำรัฐประหารและมีคำสั่งผมก็จำเป็นต้องปฏิบัติตาม แต่ผมไม่เคยเชื่อว่ารัฐประหารจะเป็นคุณเป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองแต่อย่างใด และข้อเท็จจริงก็พิสูจน์ทุกครั้งว่าหลังรัฐประหาร บุคคลที่เป็นผู้นำในการทำรัฐประหาร ญาติพี่น้อง และสมัครพรรคพวกได้รับประโยชน์ส่วนตัวเป็นมูลค่ามหาศาล ส่วนประชาชนก็ตกทุกข์ได้ยากอยู่เช่นเดิมต่อไป
เพราะฉะนั้นเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ทำรัฐประหาร ยึดอำนาจการปกครองและประกาศตั้งตัวเองเป็นหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผมก็ได้แต่นึกในใจว่า "เอาอีกแล้ว" เท่านั้น ผมดีใจอยู่บ้างที่การยึดอำนาจทำให้รัฐบาลรักษาการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์หมดสภาพลง แต่ผมไม่แน่ใจว่า คสช.จะเป็นเหลือบฝูงใหม่ที่จะมาดูดเลือดคนไทยต่อไปหรือไม่
และอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมคลางแคลงใจในตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็คือคลิป "ถั่งเฉ้า" หรือบันทึกการสนทนาระหว่างทักษิณกับบุคคลสำคัญในวงการทหารที่ระบุว่า "ตู่ไว้ใจได้"
ผมเริ่มรู้สึกว่าผมประเมินความสามารถของ พล.อ.ประยุทธ์ต่ำไป เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศมาตรการแรก จะชำระหนี้ให้แก่ชาวนาที่ถูกรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ฉ้อโกงไปในโครงการรับจำนำข้าว หลังจากประกาศไม่นานชาวนาก็เริ่มได้รับเงินคืน จนคงจะครบถ้วนทุกคนในเดือนมิถุนายนนี้
ครั้นแล้วมาตรการอื่น ๆ ก็ตามมาติด ๆ ทำให้ผมรู้สึกว่า ถ้าหากว่าการทำรัฐประหารครั้งนี้ เป็นอุบัติเหตุหรือการตกบันไดพลอยโจน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ก็คงตระหนักในปัญหาจิปาถะของบ้านเมืองและคิดจะแก้อยู่ก่อนแล้ว
ยิ่งเมื่อได้ฟังคำปราศรัยในคืนวันศุกร์ทางวิทยุโทรทัศน์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าผมดู ท่านผิดหรือประเมินความสามารถของท่านต่ำไปจริง ๆ
คุณประยุทธ์ไม่ใช่นักพูด และต้องใช้บันทึกหรือโพยประกอบการปราศรัยของท่านทุกครั้ง แต่ท่านไม่ได้ก้มหน้าก้มตาอ่านบันทึกหรือโพยผิด ๆ ถูก ๆ หากแต่ใช้บันทึกเป็นเพียงส่วนประกอบหรือเตือนความจำส่วนตัวคุณประยุทธ์เองเงยหน้าพูดกับผู้ฟังโดยใช้ภาษาง่าย ๆ แบบกันเอง และสามารถที่จะย่อยหลายเรื่องที่จะพูดให้พอเหมาะกับเวลาอันจำกัดทุกครั้ง ทำให้ผู้ฟังสามารถติดตามและเข้าใจโดยตลอด
ที่สำคัญก็คือทุกครั้งที่พูดคุณประยุทธ์ไม่เคยโอ้อวดว่าปัญหาทั้งหลายท่านจะสามารถแก้ไขได้ อย่างเนรมิตหรือโดยเร็ว แต่ย้ำแล้วย้ำอีกว่าทุกปัญหาจะแก้ได้ก็โดยที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ผู้เกี่ยวข้องช่วยกัน
คุณประยุทธ์กำลังรุกคืบโดยทำตาม "โร้ดแม้ป" ที่แถลงไว้แล้วอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน
มีหลายปัญหาที่คุณประยุทธ์ยังไม่พูดถึง และหลายคนรวมทั้งผมอยากจะเห็นคุณประยุทธ์รีบแก้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงเหมาว่าคุณประยุทธ์รู้แต่คงไม่กล้าทำ แต่บัดนี้ผมเชื่อแล้วว่าคุณประยุทธ์ตระหนักในปัญหานั้นอยู่แล้ว และคงจะแก้ในที่สุด ตามแบบและวิธีของท่านเอง เช่นเดียวกับเรื่องอื่น ๆ ที่ เราท่านได้เห็นกันไปแล้ว.
ขอบคุณภาพจาก : www.manager.co.th
No comments:
Post a Comment