วิทยุนปช. ยูเอสเอ

12 มีนาคม 2558 รำลึกถึงพี่วู๊ดไซด์ นิวยอร์ค แห่ง นปช.ยูเอสเอ ครบรอบร้อยวัน การมรณภาพของท่าน
::: วิทยุ นปช.ยูเอสเอ ::: :::::: วิทยุมหาวิทยาลัยประชาชน :::

Tuesday, March 31, 2015

คดีเพชรซาอุ (ฉบับสมบูรณ์) ย้อนรอย เจาะเบื้องลึก 3 ตอน จบ


เครดิตวิดีโอ นายข้าวเหนียว มะม่วง





สาระเชิงลึกโดย นายตำรวจเก่า

> เป็นเรื่องน่าเสียใจและน่าเศร้าใจเป็นอย่างมากว่า ตลอดระยะเวลาหลายเดือนของความขัดแย้งทางการเมือง การบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำลายฝ่ายตรงข้ามของกันและกัน ไม่ได้ถูกจำกัดวงอยู่เฉพาะประเด็นปัญหาทางการเมือง ความเหลื่อมล้ำต่ำสูงทางเศรษฐกิจ หรือความามยุติธรรมที่ไม่เท่าเทียมกันเท่านั้น แต่ยังได้ล่วงเกินข้ามเลยไปถึงการดึงสถาบันสูงสุดเข้ามาเกี่ยวข้องโดยไม่มีข้อเท็จจริงรองรับ สร้างความเข้าใจผิดและมีเจตนาที่จะก่อให้เกิดความโกรธความเกลียดเพื่อบั่นทอนให้สถาบันสูงสุดอ่อนแอลง

 > มีเรื่องราวหลายประเด็นที่ถูกนำมากล่าวถึงโดยขาดพื้นฐานความจริงมาสนับสนุน นอกจากผู้พูดผู้เขียนนึกอยากจะเขียนอะไร พูดอะไร ก็ทำไปตามใจอยากทำ ไม่คำนึงว่าความจริงคืออะไร ขอให้ได้กล่าวร้ายโจมตีก็จะทำแล้ว ตัวอย่างของนายชูพงษ์ ถี่ถ้วน นายพิษณุ พรหมศร ในเว็บ นปช.ยูเอสเอ ที่กล่าวให้ร้ายสถาบันโดยปราศจากข้อเท็จจริง และกล้าที่จะทำอย่างนั้นอย่างต่อเนื่อง เพราะตระหนักดีว่า สถาบันสูงสุดไม่อยู่ในฐานะที่จะตอบโต้หรือชี้แจงอะไร 

> มิหนำซ้ำรัฐบาลหรือฝ่ายราชการ ก็ยังนิ่งเฉยเสีย อาจเพราะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องของตัว จะแกว่งเท้าไปหาเสี้ยนทำไม คนฟังคนอ่าน ที่ถูกยัดเยียดข้อมูลด้านเดียวมาตลอด ไม่เคยฟังข้อมูลอีกด้านหนึ่งที่เป็นความจริง จึงหลงเชื่อหลงยึดติดอยู่กับข้อมูลเท็จดังกล่าว

 > ผมติดตามเรื่องเหล่านี้มานานพอสมควร ผมเห็นว่าไม่เป็นธรรมต่อสถาบัน มีคนนำเรื่องไม่จริงไปเผยแพร่ เจตนาเพื่อให้คนเกลียด สมาชิกในสถาบันจะอธิบายความจริงด้วยตัวเองก็ไม่ได้ คนที่มีหน้าที่รู้เรื่องเป็นอย่างดีก็ไม่ช่วยอธิบายให้ ก็คงต้องตกเป็นหน้าที่ของประชาชนคนเดินดินอย่างพวกเราที่ต้องออกมาทำหน้าที่เหล่านี้แทน > ผมก็เลยขออนุญาตนำบางเรื่องที่ผมมีข้อเท็จจริงอยู่บ้าง มาเล่าสู่กันฟังเพื่อผดุงรักษาความจริงไว้ให้สังคมได้รับรู้กันต่อไป

 > วันนี้ผมขอนำประเด็น เพชรซาอุ มาเล่าสู่กันฟังก่อน เพราะเป็นเรื่องใส่ร้ายสำคัญลำด้ทำกันมาต่อเนื่อง เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม ปี ๒๕๓๘ เมื่อนายเกรียงไกร เตชะโม่ง ขโมยเครื่องเพชรจำนวนมากจากวังของเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาฮัด (Prince Faisal bin Fahd bin Abdul Aziz) แล้วลักลอบนำเครื่องเพชรเข้ามาในไทยและจำหน่ายไปยังที่ต่างๆ ผลจากความร่วมมือของตำรวจไทยและทางการซาอุดิอารเบีย ทำให้จับกุมตัวนายเกรียงไกรได้ และได้เครื่องเพชรบางส่วนส่งกลับคืนเจ้าชายไฟซาลไป อาจมีปัญหาเรื่องจำนวนเครื่องเพชรที่หายไปได้คืนไม่ครบถ้วน เครื่องเพชรบางส่วนที่ส่งคืนเป็นของทำเลียนแบบ และมีการพูดกันเรื่อง เพชรบลูไดมอนด์ ไปอยู่ในความครอบครองของสุภาพสตรีในสังคมชั้นสูงบางคน ซึ่งทางตำรวจไทยและเจ้าชายไฟซาลได้ตรวจสอบสอบสวนเพิ่มเติมในทุกประเด็นจนปรากฏความจริงที่ชัดเจนและเป็นที่พอใจของทุกฝ่ายแล้ว  

> ประเด็นเพชรซาอุ ผมขอให้ท่านผู้อ่านพิจารณาเรื่องนี้อย่างละเอียดและรอบคอบว่า ตั้งแต่ทั้งสองฝ่ายตรวจสอบเรื่องเพชรจนได้ความจริงแล้ว ราชสำนักและทางการซาอุดิอาระเบียไม่เคยตำหนิ กดดัน หรือเรียกร้องทางการไทยในเรื่องเพชรซาอุอีกเลย ประเด็นที่เป็นปัญหาความสัมพันธ์จนถึงปัจจุบันไม่ใช่เรื่องเพชรซาอุ แต่เป็นเรื่องการหายตัวไปของนายลูไวรี นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเขาเชื่อว่าเสียชีวิตแล้วโดยการสังหารของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยที่มีนายตำรวจระดับผู้บัญชาการภาคในปัจจุบันคนหนึ่งเป็นผู้บงการ แต่ไม่ถูกจับกุม แถมยังได้รับการส่งเสริมให้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งสูงข ึ้น ตรงนี้สำคัญเพราะเมื่อซาอุไม่ติดใจสงสัยก็หมายความว่าไม่มีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลซ่อนอยู่ใต้พรมอีกต่อไป ทุกอย่างควรจบลงไปนานแล้ว แต่กลับไม่จบ  

> อะไรคือสาเหตุที่เรื่องเพชรไม่จบ ตอบได้ว่าหลังจากการยึดอำนาจเมื่อ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ การต่อสู้ทางการเมืองระหว่างคุณทักษิณกับฝ่ายตรงข้ามทวีความรุนแรงเป็นลำดับ โดยเฉพาะการกล่าวหาสถาบันอยู่เบื้องหลังเรื่องดังกล่าวด้วย เรื่องเพชรบลูไดมอนด์ ถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองของคนบางกลุ่ม โดยมีเจตนาทำให้คนรากหญ้าเชื่อว่าเพชรบลูไดมอนด์ตกอยู่ในความครอบครองของบุคคลในสถาบัน เพื่อทำให้คนเกลียดสถาบันซ้ำมากขึ้นไปอีก ในประเด็นไม่เพียงแต่อยู่เบื้องหลังโค่นล้ม ทักษิณแล้ว ยังมีกรณีเพชรซาอุเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทั้งเอาไปแต้มสีต่อว่า คุณทักษิณถูกโค่นล้มจากอำนาจเพราะว่า พยายามนำเพชรบลูไดมอนด์กลับคืนสู่ซาอุ เพื่อคนอิสานจะได้กลับเข้าไปทำงานที่ซาอุดิอาระเบียได้เหมือนเดิม

 > เรื่องเพชรบลูไดมอนด์ ถูกหยิบยกขึ้นมาจากสื่อประเทศไทยฝ่ายเดียวตั้งแต่เริ่มมีเรื่องนายเกรียงไกรใหม่ๆ พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรัตน์ ผช.อตร.เจ้าของคดี ทราบเรื่องนี้ดีเพราะเป็นถามสื่อมวลชนเอง ว่า ไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน ตนไม่เคยได้ยินหรือเห็นมาก่อนเลย จากนั้นก็มีการไปเอารูปภริยาอธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้นใน น.ส.พ. ฉบับหนึ่งสวมสร้อยคอที่มีจี้เป็นรูปคล้ายอัญญมณีสีน้ำเงินล้อมเพชรและทอง ปรากฏตัวในงานเลี้ยงงาน หนึ่ง แล้วก็ลือกันตามมาว่าเป็นเพชรบลูไดมอนด์ของเจ้าฟ้าชายไฟซอล  

> เรื่องนี้ได้มีการพิสูจน์กันสองทางคือ ประการแรกตำรวจได้ส่งภาพถ่ายดังกล่าวไปให้สถาบันอัญญมณีในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ตรวจพิสูจน์ ได้ข้อยุติว่า วัตถุที่ว่าเป็นอัญมณีสีน้ำเงินแล้วอนุมานว่าเป็นนเพชรบลูไดมอนด์ ไม่ใช่เพชรหรืออัญญมณีแต่อย่างใด แต่เป็นวัตถุที่ทำด้วยผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มที่นำมาประดิษฐ์เข้าคู่กับเพชรและทอง ผลพิสูจน์นี้อยู่ ในสำนวนการสอบสวนของตำรวจ เพราะมีหนังสือตอบกลับมาอย่างเป็นทางการ ประการที่สอง บุตรชายของสุภาพสตรีท่านนั้นได้นำสร้อยและจี้ที่ปรากฏในภาพถ่ายมาแสดงต่อพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับผลตรวจพิสูจน์ของสถาบันในลอนดอน

 > ข้อพิสูจน์ในเรื่องนี้อีกประการหนึ่งก็คือ ผลการสอบสวนนายเกรียงไกรพบว่า นายเกรียงไกรได้แบ่งเครื่องเพชรให้กับเพื่อนที่มีส่วนรู้เห็น ทั้งไม่รู้ด้วยว่าแบ่งเครื่องเพชรชนิดและประเภทใดให้เพื่อนไปบ้าง นอกจากนั้น เจ้าตัวมีความรู้เรื่องอัญญมณีน้อยมาก เมื่อนำเครื่องเพชรทั้งหมดกลับมาที่บ้านใน จ.ลำปาง ก็ได้ทำการแยกชิ้นส่วนเอาเพชรกับทองแยกออกจากกัน เพราะรู้จักแต่ทองว่ามีค่า โดยนำทองไปขายที่ร้านทองใน จ.แพร่ และ จ.ลำปาง ผลการสอบเจ้าของร้านทองก็ไม่ปรากฏว่าพบเห็นหรือรู้เรื่องเพชรบลูไดมอนด์ ส่วนเพชรนายเกรียงไกรก็ไม่รู้จัก รู้แต่ว่าเพชรมีความแข็งมากจึงลองทุบบางส่วนดู เม็ดไหนแตกก็ทิ้งไป เม็ดไหนไม่บุบสลายก็แยกไว้ แต่ไม่ได้ทุบไปเสียทั้งหมด จากนั้นได้นำเพชร พลอย อัญญมณีอื่นๆที่แยกออกจากทองแล้วไปฝังดินไว้บางส่วน บางส่วนทะยอยขายให้แก่นายสันติ ศรีธนขัณฑ์ เจ้าของร้านเพชรชื่อดัง ซึ่งบางส่วนถูกนำไปขายต่ออีกทอดโดยมี พล.ต.อ.คนหนึ่งซึ่งเป็น อดีต รอง ผบ.ตร.และชอบค้าของเก่าและของมีค่าร่วมมือกับนายสันติขายเพชรซาอุด้วย แต่หลักฐานสาวไปไม่ถึงจึงลอยนวลอยู่จนทุกวันนี้

 > การให้การของนายเกรียงไกรกรณีเพชรบลูไดมอนด์มีลักษณะไม่ชัดเจน เหมือนว่าขโมยมาแล้วขายให้นายสันติ แต่นายเกรียงไกรก็ไม่เคยยืนยันอย่างหนักแน่นกับพนักงานสอบสวนในเรื่องดังกล่าว เ นื่องจากไม่มีความมั่นใจ เพราะนำเครื่องเพชรออกมาเป็นจำนวนมากจนไม่สามารถจดจำรายละเอียดได้ครบถ้วน  

 > พนักงานสอบสวนและราชสำนักซาอุดิอาระเบียประมาณการณ์ว่า เพชรซาอุถูกขายไปประมาณ ๒๐ % ทั้งนายสันติ และภริยา ต่างยืนยันว่า ไม่เคยเห็นเพชรบลูไดมอนด์ ความตายของนางดาราวดี และ ด.ช.เสรี ศรีธนขันฑ์ เป็นข้อพิสูจน์ได้ดีว่า ผู้รับซื้อเพชรซึ่งมีอยู่รายเดียวจากนายเกรียงไกร ต่างไม่เคยเห็นเพชรบลูไดมอนด์ มิฉะนั้นคงรับสารภาพและคืนให้ไปแล้วเมื่อเห็นความตายและความเดือดร้อนของตนเอง ครอบครัว และบุตรอยู่ตรงหน้า  

> ผลสรุปของการสอบสวนคดีเพชรซาอุ มีข้อยุติว่า ไม่มีใครที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยเคยเห็นเพชรบลูไดมอนด์อยู่ในเครื่องเพชรที่นายเกรียงไกรขโมยมา กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเพชรบลูไดมอนด์ไม่เคยมีอยู่ในประเทศไทย การกล่าวหากล่าวอ้างว่าบุคคลนั้นบุคคลนี้ครอบครองเพชรบลูไดมอนด์ไว้ จึงไม่เป็นความจริง 

> ประการที่สองเจ้าชายหรือเจ้าหญิงของซาอุดิอาระเบียไม่รู้ว่าเครื่องเพชรที่ถูกขโมยมีชนิดหรือประเภทใดอย่างครบถ้วนเพราะเครื่องเพชรมีเป็นจำนวนมากที่อยู่ในครอบครองและที่ถูกขโมยมา ทั้งยอมรับว่าเครื่องเพชรที่ถูกขโมยมีทั้งของจริงและของปลอมที่ซื้อจากห้าง May Flower ซึ่งทำอัญญมณีประดิษฐ์ที่มีชื่อเสียงมาก ทั้งไม่ทราบว่าเครื่องเพชรอันใดเทียมหรือจริง ข้อตำหนิเรื่องส่งคืนเครื่องเพชรปลอมและไม่ครบถ้วนจึงสามารถทำความเข้าใจที่ชัดเจนได้ในเวลาต่อมา  

> ทั้งหมดนี้คือข้อเท็จจริง ผมเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ควรถูกใช้เป็นประเด็นกล่าวหาบุคคลในสถาบันสูงสุดของเราอีกเพื่อประโยชน์ทางการเมืองอีกต่อไป ผมเห็นว่าตำรวจและรัฐมนตรีที่เคยเกี่ยวข้องกับคดีนี้ควรออกมาอธิบายความจริงให้สังคมได้รับรู้อย่างทั่วถึง อย่าปล่อยให้เป็นประเด็นที่นำไปใช้โฆษณาชวนเชื่อ

> อย่างที่เคยกล่าวไว้ในตอนต้น มันน่าเศร้าใจอย่างยิ่งที่คนไทยไม่สนใจ ไม่เคารพความจริง มองข้ามหลักเหตุผลที่สามารถอธิบายได้ เลือกที่จะเชื่อในทุกเรื่องทุกสิ่งที่คนที่เราชอบพูด สังคมเช่นนี้อันตราย

 > ในฐานะคนไทยคนหนึ่งผมเรียกร้องให้ผู้รักความจริงช่วยกันเผยแพร่เรื่องนี้ออกไป เรียกร้องให้รัฐบาลและฝ่ายราชการปกป้องสถาบันสูงสุดให้มากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เพราะท่านรู้ข้อมูลทุกอย่างดี แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงวางเฉยกัน 

> และสุดท้ายต้องขอร้องให้พี่น้องคนไทยทุกคนฟั งและอ่านเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นและอาจจะเกิดขึ้นในสังไทยของเราอย่างมีเหตุและผล เพราะจากนี้ไปสังคมของเราก็อาจจะกลับเข้าสู่สภาพแวดล้อมของการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร และเราก็จะต้องมีชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมดังกล่าวด้วย

สรุป
 - ซาอุมีปัญหากับไทยเพราะเรื่องคดีฆ่านักการทูต
- เรื่องเพชรที่ขโมยมาเคลียร์จบไปนานแล้ว ซาอุไม่ติดใจ
- เจ้าชายซาอุก็ไม่รู้ว่ามีเพชรอะไรถูกขโมยไปบ้าง
 - ที่มีข่าวเพชรซาอุเพราะมีรูปที่เมีย ผบ.ตร. ใส่เครื่องเพชรที่คล้ายๆกันปรากฏผู้ว่าเชี่ยวชาญต่างชาติพิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่ 
- ไม่มีหลักฐานการเห็นเพชรซาอุที่ไหนอีก
 - สรุปว่า เพชรบูลไดมอนไม่เคยเข้ามาอยู่ในเมืองไทย

ขอบคุณแหล่งข้อมูล 
คดีเพชรซาอุ (ฉบับสมบูรณ์) ย้อนรอย เจาะเบื้องลึก 3 ตอน จบ

No comments:

Post a Comment